วันพฤหัสบดีที่ 10 ธันวาคม พ.ศ. 2552

วันปีใหม่ทางโหราศาสตร์

วันปีใหม่ทางโหราศาสตร์
วันที่ดวงอาทิตย์ขึ้นและตกทางทิศตะวันออกและตะวันตกพอดี เราเรียกว่า วิษุวัต(Equinox) โดยในแต่ละปีจะมีเพียง 2 วันเท่านั้น คือวันที่ 21 มีนาคม เรียกว่า วสันตวิษุวัต(Vernal equinox) ถือว่าเป็นวันเริ่มต้นของฤดูใบไม้ผลิทางซีกโลกเหนือ (หรือฤดูใบไม้ร่วงทางซีกโลกใต้) และวันที่ 22 กันยายน เรียกว่า ศารทวิษุวัต (Autumnal equinox) ถือว่าเป็นวันเริ่มต้นของฤดูใบไม้ร่วงทางซีกโลกเหนือ (หรือฤดูใบไม้ผลิทางซีกโลกใต้) ในวันทั้งสองนี้ แกนโลกจะอยู่ในระนาบตั้งฉากกับรัศมีจากดวงอาทิตย์พอดี ทำให้กลางวันและกลางคืนยาวเท่ากัน หรือ เรียกว่า มัธยมกาล ซีกโลกเหนือและซีกโลกใต้จะได้รับพลังงานความร้อนจากดวงอาทิตย์เท่าๆกัน
เมื่อเขตร้อนลดลง เขตหนาวก็ต้องเพิ่มขึ้น นั่นคือ แกนโลกเอียงลดลงกำลังพาโลกไปสู่ยุคน้ำแข็ง แกนโลกเอียงน้อยที่สุด 22.6 องศา ในอีก 10,200 ปีซึ่งเป็นช่วงที่เขตร้อนเหลือน้อยที่สุด หลังจากนั้นแกนโลกจะเริ่มเอียงมากขึ้นทีละน้อย เขตร้อนเพิ่มขึ้น ปรากฏการณ์โลกร้อนขึ้นเพราะแกนโลกเอียงมากขึ้นก็จะตามมา กลายเป็นโลกเข้าสู่ยุคน้ำแข็งละลายเนื่องจากเขตหนาวลดลง

ในปัจจุบันขั้วโลกเหนือหันเข้าหาดวงอาทิตย์ในเดือนมิถุนายน ทำให้ซีกโลกเหนือเป็นฤดูร้อน แต่ในเดือนธันวาคมขั้วโลกเหนือหันออกจากดวงอาทิตย์ซีกโลกเหนือได้รับความร้อนลดลงจึงเป็นฤดูหนาว ในระยะยาวอีกประมาณ 12,000 ปีจากปัจจุบัน ขั้วโลกเหนือหันเข้าหาดวงอาทิตย์ในเดือนธันวาคมและหันออกในเดือนมิถุนายน ดังนั้นฤดูกาลจึงกลับกันกับในปัจจุบัน คือซีกโลกเหนือเป็นฤดูร้อนในเดือนธันวาคมและเป็นฤดูหนาวในเดือนมิถุนายน ปรากฏการณ์เช่นนี้เกิดขึ้นเพราะการส่ายของแกนหมุนของโลกรอบละ 25,800 ปี
ทิศทางที่แสงแดดตกกระทบผิวโลกจะช่วยบอกให้ทราบว่าโลกบริเวณนั้นมีอุณหภูมิสูงหรือต่ำ หากแสงอาทิตย์ส่องมาตรง ๆ หรือตั้งฉากกับผิวโลกจะทำให้ผิวโลกบริเวณนั้นร้อนกว่า เมื่อแสงอาทิตย์ส่องมาเฉียง ๆ ทั้งนี้เพราะเมื่อแสงส่องมาเฉียงความร้อนจะแผ่กระจายเป็นบริเวณกว้าง อุณหภูมิเฉลี่ยต่อหน่วยพื้นที่จึงน้อยกว่าเมื่อแสงส่องมาตรง ๆ ซึ่งความร้อนแผ่กระจายเป็นบริเวณแคบ ทำให้อุณหภูมิเฉลี่ยต่อหน่วยพื้นที่มีค่าสูง ปัจจุบัน
วันที่ 22 ธันวาคม หรือ ทักษิณายัน (Vernal solstice) ในวันนี้ดวงอาทิตย์จะขึ้นค่อนไปทางใต้มากที่สุด เป็นการเริ่มต้นของฤดูหนาว ส่วนทางซีกโลกใต้ วันนี้จะเป็นวันที่ยาวที่สุดและเป็นการเริ่มต้นฤดูร้อน เพราะว่าแกนโลกจะหันด้านใต้เข้าหาดวงอาทิตย์ ทำให้ซีกโลกใต้ได้รับความร้อนมากกว่าซีกโลกเหนือ
ทางโหราศาสตร์สากล(Classical Astrology)ถือว่า
วันที่ 22 ธันวาคม 2552 เวลา0.58เป็นวันปีใหม่ทางโหราศาสตร์
Sun ingress Capricorn
ingress (22.12.2009 0:58:00 GMT+7:00) thai (13N45'00 100E30'00)
Tropical, Geocentric, Placidus

อาทิตย์ยกราศีมกร ทำมุมดี60องศากับจันทร์27องศาราศีกุมภ์หมายถึงการรอมชอมและการให้เกรียติซึ่งกันและกัน มิตรภาพที่ดี จันทร์ภพ5หมายถึงการลงทุน การบันเทิงจะคึกคัก แต่ยังกังวลเรื่องรายได้ที่ได้มาแล้วต้องไหลออกจากกระเป๋าไป คือยังเดือดร้อนในการเงิน ส่วนการเมืองรัฐสภายังวุ่นวายถกเถียงกันวุ่นวาย ไม่สงบเท่าที่ควร
การปฏิบัติตนในวันปีใหม่ทางโหราศาสตร์นี้ให้ทำพิธีกรรมต่างๆทั้งทางจีนและศาสนาพุทธคือประพฤติตนให้ดีไม่ให้วันนี้มีเรื่องมีราวเพราะผลของการกระทำและการเกิดเหตุการณ์ณืที่ไม่ดีจะส่งผลตลอดทั้งปี หมายถึงฤทธิ์ของเวลานี้จะยืนยาวปีต่อปี ผู้ที่ได้ปฏิบัติตนมาตลอดในทุกๆเดือนจนถึงกระทั้งวันนี้จะเกิดความเป็นมงคลและโชคดีเป็นอันมาก อย่าทะเลาะ โดนทวงหนี้ และสิ่งต่างๆที่ไม่ดีในวันนี้ ให้หลีกเลี่ยงเสีย ถ้าให้ดีอยู่บ้านไม่ไปไหนดีที่สุด

วันพุธที่ 2 ธันวาคม พ.ศ. 2552

วันสำคัญที่พึงปฏิบัติ

วันสำคัญที่พึงปฏิบัติ
วันเวลาสำหรับนั่งสมาธิ สวดมนต์ เพื่อขอพลังจากฟ้าเปิด เป็นวันที่ โลก ดวงจันทร์และดวงอาทิตย์ มาชุมนุมกัน เรียกว่าสังคมโลกกับจักรวาลเชื่อมมิติซึ่งกันและกัน ให้อธิษฐานจิต เรียกบุญที่ได้ทำในทุกๆชาติ น้อมจิตถึงพ่อแม่ ปู่ย่าตายายและญาติทุกๆชาติ และครูบาอาจารย์ สิ่งศักดิ์สิทธ์ที่นับถือมาทุกๆชาติ ช่วยให้ข้าพเจ้า มีความสุขความเจริญ ความก้าวหน้าและนั่งสมาธิให้เกิดความก้าวหน้ายิ่งๆขึ้น ความชั่วร้ายต่างๆจนถึงคนพาลคนหยาบอย่าได้มาเจอะเจอ
วันดังกล่าว ให้สงบจิตใจ ระวังมารผจญ เพราะวันนี้เป็นวันที่แรงมาก คนที่ทำบุญมาน้อยจะหงุดหงิดระงับอารมณ์ไม่อยู่ ระวังไม่ให้ใครหยิบยืมเงินวันต่างๆเหล่านี้ ไม่จ่ายเงินมีหนี้ให้ไปจ่ายวันอื่น ปลีกวิเวกหลีกเลี่ยงพบปะผู้คน ไม่ควรสัญจรไปมาในที่ต่างๆ บางท่านชะตาขาดอาจจะจากจรไปต่างภพ วันเหล่านี้เหมาะกับการเริ่มต้นในสื่งที่ดี จะนำมาซึ่งความก้าวหน้า ความเจริญ ถ้ารู้จักปฏิบัติตาม ความรู้เหล่านี้เป็นวิชาที่ปราชโบราณ ได้นำมาปฏิบัติอยู่ในเฉพาะหมู่ผู้มีการศึกษาและลูกศิษยผู้ที่ไม่ประมาทในสำนักเท่านั้น
พระพุทธโอวาท : ผู้รู้ ผู้ตื่น ผู้เบิกบาน
ผู้รู้ รู้สิ่งที่ควรรู้ รู้จักโลก นั่นคือ รู้จักธรรม(ความจริงของธรรมชาติและชีวิต)
ผู้ตื่น ตื่นจากอะไร ตื่นความฝันที่เราสรรค์สร้าง ให้เข้าใจว่าต้องปฏิบัติตนเช่นไร
ผู้เบิกบาน คือไม่หดหู่ เหี่ยวแห้ง ท้อแท้ เพราะเราเข้าใจกฏแห่งธรรมชาติ
Date Time
Date Time
16.12.2009
19:02:05
15.1.2010
14:11:22
14.2.2010
9:51:18
16.3.2010
4:01:04
14.4.2010
19:28:54
14.5.2010
8:04:23
12.6.2010
18:14:34
12.7.2010
2:40:27
10.8.2010
10:08:09
8.9.2010
17:29:49
8.10.2010
1:44:28
6.11.2010
11:51:46
6.12.2010
0:35:41
4.1.2011
16:02:36

วันอังคารที่ 1 ธันวาคม พ.ศ. 2552

แถบดาวเคราะห์น้อย (Asteroid belt)

แถบดาวเคราะห์น้อย (Asteroid belt)
เป็นบริเวณในระบบสุริยะที่อยู่ระหว่างวงโคจรของดาวอังคาร กับดาวพฤหัสบดี ประกอบไปด้วยก้อนหินจำนวนมากลอยเกาะกลุ่มกันเป็นแถบ เรียกหินเหล่านี้ว่า ดาวเคราะห์น้อย หรือ ดาวเคราะห์แคระ บางครั้งก็เรียกแถบความเคราะห์น้อยว่า "แถบหลัก" เพื่อแยกแยะมันออกจากแถบดาวเคราะห์แคระอื่นๆ ที่มีอยู่ในระบบสุริยะ เช่นแถบไคเปอร์ และแถบหินกระจาย (scattered disk)
มวลกว่าครึ่งหนึ่งของแถบดาวเคราะห์น้อยอยู่ในวัตถุขนาดใหญ่ 4 ชิ้น ได้แก่ ซีรีส, 4 เวสต้า, 2 พัลลัส และ 10 ไฮเจีย ทั้งสี่ชิ้นนี้มีขนาดเส้นผ่านศูนย์กลางมากกว่า 400 กิโลเมตร สำหรับซีรีสซึ่งถือเป็นดาวเคราะห์แคระเพียงดวงเดียวในแถบดาวเคราะห์น้อย มีขนาดเส้นผ่านศูนย์กลางประมาณ 950 กิโลเมตร[1][2][3][4] ส่วนที่เหลือมีขนาดลดหลั่นกันลงไปจนถึงเศษฝุ่น ชิ้นส่วนในแถบดาวเคราะห์น้อยกระจายอยู่อย่างเบาบางจนกระทั่งยานอวกาศหลายลำสามารถแล่นผ่านไปได้โดยไม่ชนกับอะไรเลย นอกจากนั้น ชิ้นส่วนดาวเคราะห์น้อยขนาดใหญ่ยังแตกสลายลง เกิดเป็นกลุ่มตระกูลดาวเคราะห์น้อยที่มีองค์ประกอบธาตุและวงโคจรใกล้เคียงกัน การแตกสลายทำให้เกิดเศษฝุ่นละเอียดขึ้นซึ่งกลายเป็นองค์ประกอบสำคัญที่ทำให้เกิดแสงในแนวจักรราศี ดาวเคราะห์น้อยแต่ละชิ้นในแถบดาวเคราะห์น้อยจะจัดแบ่งกลุ่มโดยแยกตามการสะท้อนแสง โดยหลักแล้วมีสามกลุ่มได้แก่ กลุ่มคาร์บอน (C-type) กลุ่มซิลิกา (S-type) และกลุ่มโลหะ (M-type)
แถบดาวเคราะห์น้อยเป็นองค์ประกอบพื้นฐานของเนบิวลาระบบสุริยะในยุคเริ่มต้น ซึ่งเตรียมจะก่อตัวขึ้นเป็นดาวเคราะห์ แต่เนื่องจากตกอยู่ระหว่างวงโคจรของดาวอังคารกับดาวพฤหัสบดี แรงโน้มถ่วงขนาดสูงของดาวเคราะห์ยักษ์ทำให้ชิ้นส่วนกำเนิดดาวเคราะห์มีพลังงานในการโคจรสูงเกินไปจนไม่สามารถรวมตัวกันขึ้นเป็นดาวเคราะห์ได้ นอกจากนี้ยังเกิดการกระทบอย่างรุนแรง ซึ่งแทนที่ชิ้นส่วนเหล่านั้นจะรวมเข้าด้วยกัน กลับยิ่งแตกกระจัดกระจาย ด้วยเหตุนี้มวลส่วนใหญ่ในแถบดาวเคราะห์น้อยจึงมลายหายไปนับแต่ยุคเริ่มต้นของระบบสุริยะ บางชิ้นส่วนอาจหลุดรอดเข้ามายังระบบสุริยะชั้นในและพุ่งเข้าชนดาวเคราะห์ชั้นในกลายเป็นสะเก็ดดาว วงโคจรของแถบดาวเคราะห์น้อยยังคงถูกรบกวนอยู่เสมอ ในบางครั้งวงโคจรรอบดวงอาทิตย์ของมันบังเอิญไปสอดคล้องกับวงโคจรของดาวพฤหัสบดี ทำให้ชิ้นส่วนจำนวนหนึ่งถูกพัดพาข้ามช่องแคบเคิร์กวูดไปยังวงโคจรอีกระดับหนึ่ง
ปี ค.ศ. 1800 นักดาราศาสตร์ชื่อ บารอน ฟรานซ์ ซาเวอร์ ฟอน แซค เชิญเพื่อนๆ ของเขา 24 คนเข้าร่วมในชมรมไม่เป็นทางการแห่งหนึ่งซึ่งเขาเรียกว่า "สมาคมลิเลียนทาล" มีเป้าหมายจะจัดระเบียบให้ระบบสุริยะ ต่อมากลุ่มนี้เป็นที่รู้จักในชื่อ "ฮิมเมลสโปลิซเซ" (Himmelspolitzei) หรือ ตำรวจอวกาศ สมาชิกคนสำคัญได้แก่ เฮอร์เชล, เนวิล มัสเคลลีน, ชาร์ลส เมอร์สิเออร์ และ เฮนริค โอลเบอร์[8] สมาชิกนักดาราศาสตร์แต่ละคนจะได้รับมอบหมายให้ดูแลอาณาบริเวณ 15 องศาของจักรราศี เพื่อเสาะหาดาวเคราะห์ที่หายไป[9]
ไม่กี่เดือนถัดมา นักดาราศาสตร์คนอื่นซึ่งไม่ได้เป็นสมาชิกตำรวจอวกาศ ได้ตรวจพบสิ่งที่พวกเขาค้นหา วันที่ 1 มกราคม ค.ศ. 1801 จูเซปเป ปิอาซซี (Giuseppe Piazzi) ประธานสมาคมดาราศาสตร์แห่งมหาวิทยาลัยปาเลร์โม ซิซิลี พบวัตถุเคลื่อนที่ชิ้นเล็กๆ ในบริเวณที่คาดคะเนโดยกฎของทิเทียส-โบเด เขาเรียกวัตถุชิ้นนั้นว่า ซีรีส ตามชื่อเทพเจ้าโรมันองค์หนึ่ง คือเทพีแห่งการเก็บเกี่ยวและผู้พิทักษ์เกาะซิซิลี ในตอนแรกปิอาซซีเชื่อว่าวัตถุนั้นคือดาวหาง แต่เนื่องจากมันไม่มีโคม่า มันจึงน่าจะเป็นดาวเคราะห์[8] สิบห้าเดือนต่อมา โอลเบอร์ค้นพบวัตถุชิ้นที่สองในบริเวณฟากฟ้าเดียวกัน คือ พัลลัส มันไม่เหมือนดาวเคราะห์ดวงอื่นๆ เพราะปรากฏเป็นเพียงจุดแสงไม่ว่าจะใช้กล้องโทรทรรศน์ที่มีกำลังขยายสักเท่าใด นอกจากการเคลื่อนที่ของมันแล้ว ก็แทบไม่แตกต่างไปจากดวงดาวทั่วไปเลย ต่อมาในปี ค.ศ. 1802 วิลเลียม เฮอร์เชล เสนอให้จัดประเภทวัตถุเหล่านี้เป็นอีกชนิดหนึ่ง ให้ชื่อว่า "ดาวเคราะห์น้อย" (asteroid) ซึ่งมาจากภาษากรีกว่า asteroeide หมายถึง "เหมือนดวงดาว"[10][11]
แต่ทั้งที่เฮอร์เชลเสนออย่างนั้น วัตถุเหล่านี้กลับถูกเรียกว่าเป็น ดาวเคราะห์ ต่อมาเป็นเวลาหลายทศวรรษ[5] ราวปี ค.ศ. 1807 มีการศึกษาเพิ่มเติมพบวัตถุอีก 2 ชิ้นในย่านฟ้าเดียวกัน คือ จูโน และ เวสต้า[12] แต่สงครามของนโปเลียนทำให้การศึกษาค้นคว้าในช่วงแรกนี้ต้องยุติลง[12] และไม่มีความคืบหน้าใดๆ อีกเลยจนกระทั่งปี ค.ศ. 1845 จึงมีการค้นพบวัตถุชิ้นที่ 5 คือ แอสเตรีย นับจากนั้นก็มีการค้นพบวัตถุชิ้นใหม่ๆ อย่างต่อเนื่องในเวลาอันรวดเร็ว และความคิดที่จะเรียกสิ่งเหล่านี้เป็นดาวเคราะห์ก็เริ่มมีปัญหา ในที่สุดมันก็หลุดจากผังรายชื่อดาวเคราะห์ และข้อเสนอของวิลเลียม เฮอร์เชล ที่แนะให้เรียกมันว่า ดาวเคราะห์น้อย ก็เริ่มเป็นที่นิยมกันต่อมา[5]
ล่วงถึงกลางปี 1868 มีการค้นพบดาวเคราะห์น้อย 100 ดวง และเมื่อมีการคิดค้นภาพถ่ายดาราศาสตร์โดย แมกซ์ วูล์ฟ ในปี ค.ศ. 1891 ก็ทำให้อัตราการค้นพบวัตถุอวกาศเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว[14] ดาวเคราะห์น้อยถูกค้นพบ 1,000 ดวงในปี 1923 พบ 10,000 ดวงในปี 1951 และ 100,000 ดวงในปี 1982[4] ระบบการสำรวจดาวเคราะห์น้อยสมัยใหม่ใช้ค่าเฉลี่ยอัตโนมัติในการระบุตำแหน่งดาวเคราะห์น้อยดวงใหม่ๆ ได้เป็นปริมาณที่เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ
ในโหราศาสตร์สากล โดยทั่วๆไป ใช้ดาวเคราะห์น้อย(Asteroids)แค่4ดวงเท่านั้นส่วนที่เหลือแล้วแต่ตามอัทยาศัยคือ
1.Ceres เส้นผ่าศูนย์กลาง770km ค้นพบเมื่อค.ศ.1801(พศ2344) ลูกสาวของดาวเสาร์เทพแห่งการเกษตร
2.Pallas เส้นผ่าศูนย์กลาง490 km ค้นพบเมื่อค.ศ.1802(พศ2345) 28 มีนาคม พ.ศ. 2344 (ค.ศ. 1802) - ไฮน์ริช วิลเฮล์ม มัททอยส์ โอลเบอรส์ นักดาราศาสตร์ชาวเยอรมัน ค้นพบแพลลาส ซึ่งเป็นดาวเคราะห์น้อยดวงที่ 2เทพแห่งปัญญาและสงคราม (ตำนานกรีก)
3.Juno เส้นผ่าศูนย์กลาง193 Km ค้นพบเมื่อค.ศ.1804(พศ2347)ภรรยาของดาวพฤหัสบดี) (ตำนานโรมัน) มเหสีของพระเจ้าโอลิมเปียที่ป้องกันสมรส; ภรรยาและน้องสาวของดาวพฤหัสบดี; ยมของกรีก Heraเทพบุตรโอลิมเปีย, น้องสาวและมเหสีของ Zeus, ยมของโรมัน Juno.
4. Vesta เส้นผ่าศูนย์กลาง386 kmค้นพบเมื่อค.ศ. 1807(พศ2351)ตำนานโรมัน เจ้าแม่ของบ้านและไฟในเปลวเพลิงที่ถูก tended โดยสาวพรหมจรรย์บริสุทธิ์; ยมของกรีก

พ.ศ. 2344 นักประดิษฐ์ชาวฝรั่งเศสชื่อ Joseph Marie Jacquard ได้พยายามพัฒนาเครืองทอผ้าโดยใช้บัตรเจาะรูในการบันทึกคำสั่งควบคุมเครื่องทอผ้าให้ทำตามแบบที่กำหนดไว้ ซึ่งเป็นแนวทางที่ทำให้เกิดการประดิษฐ์เครื่องเจาะบัตร (Punched Card Machine) ในเวลาต่อมา และถือว่าเป็นเครื่องจักรที่ใช้ชุดคำสั่ง (Program) สั่งทำงาน
สมัย(ประมาณ พ.ศ. 2344
สมัยนี้เริ่มประมาณแผ่นดินพระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัย (รัชกาลที่ 2) แห่งกรุงรัตนโกสินทร์ นักคณิตศาสตร์ในสมัยนี้สนใจเรื่องรากฐานของวิชาคณิตศาสตร์และตรรกศาสตร์ (วิชาที่ว่าด้วยการใช้เหตุผล) นำผลงานคณิตศาสตร์รุ่นก่อนมาวิเคราะห์ นักคณิตศาสตร์รุ่นก่อนเคยกล่าวว่าเป็นจริงแล้ว นักคณิตศาสตร์รุ่นใหม่ก็จะนำมาคิดหาทางพิสูจน์ให้เห็นจริง ทำให้ความรู้ทางคณิตศาสตร์เดิมมีพื้นฐานมั่นคง มีหลักเกณฑ์ที่จะอธิบายได้ว่าการคิดคำนวณต่าง ๆ ต้องทำเช่นนี้เพราะเหตุใด ในขณะเดียวกันก็ได้สร้างคณิตศาสตร์แขนงใหม่ ๆ ให้เกิดขึ้นเพื่อนำมาใช้ให้เป็นประโยคเหมาะสมกับสภาพปัจจุบัน นักคณิตศาสตร์สมัยนี้มีหลายคน ที่รู้จักกันดีได้แก่ แบร์นฮาร์ด รีมันน์ จอร์ด บูล อัลเบิร์ต ไอน์สไตน์ จอห์นฟอน นอยมันน์

วันพฤหัสบดีที่ 26 พฤศจิกายน พ.ศ. 2552

การให้ฤกษ์ยามงามดี Erection Chart ในโหราศาสตร์สากล

ฤกษ์ยาม
(Erection Chart)
ขั้นตอนในการให้ฤกษ์ ฤกษ์คือณ.วันเวลาที่ต้องการจะดำเนินกิจกรรม ที่ต้องการความสมบูรณ์ มีความเหมาะสม ตลอดจนให้เกิดความดีงานต่อไปข้างหน้า ฤกษ์คือกิจกรรมที่จะต้องกระทำในวันเริ่มต้น หรือการเริ่มต้นที่ดี ที่เป็นมงคล เช่นใช้ในวันเปิดห้างร้านบริษัท ไม่ให้มีปัญหาทางด้านการเงินและลูกค้า ตลอดจนการบริหารกิจการให้เกิดความก้าวหน้า ไม่สดุด หุ้นส่วนไม่ทะเลาะเบาะแว้ง พนักงานลูกจ้างไม่คดโกง ลูกค้ามีคุณภาพ สินค้ามีราคา หรือการย้ายบ้าน ย้ายงาน แต่งงาน ซื้อสินค้า ซื้อบ้าน ออกรถยนต์เมื่อใด เรื่องเหล่านี้ ถ้าหากท่านเป็นคนโชคดีผีคุ้มครอง ทำอะไรก็ดีไปหมด ถูกต้อง ฤกษ์สะดวก ทำแล้วไม่มีปัญหา ก็ถือว่าท่านเป็นคนมีบุญ ผลบุญคุ้มครอง แต่ถ้าหากท่านไม่มีผลบุญล่ะหรือมีแต่ไม่มากพอ มักจะมีวิบากกรรม จะทำอย่างไรดี ถ้าสิ่งที่จะทำป็นเรื่องเล็กน้อย ใช้เงินไม่มาก ความเสียหายไม่เท่าใด ก็ไม่ต้องพึ่งฤกษ์ แต่ถ้าหากต้องการพึ่งฤกษ์ ก็มีขั้นตอนแบบสังเขป เป็นกรอบให้เป็นแนวทาง ดังนี้
1.อย่าวางลัคนาที่ไม่ดาวพระเคราะห์สถิตอยู่เป็นอันขาด
2.ในลัคนาห้ามมีดาวบาปเคราะห์สถิตอยู่ รวมถึงดาวบาปเคราะห์เล็ง มุมฉาก
3.อย่าวางลัคนาในราศีที่เป็นทุสะฐานะกับดวงกำเนิดของเจ้าของฤกษ์เป้นอันขาด
4.วันพระห้ามให้ฤกษ์
5.ห้ามให้ฤกษ์ในขณะที่จันทร์จะย้ายราศี
6.ห้ามวันจันทร์ดับ อมาวสี วันพระเคราะห์ย้ายราศีโดยเฉพาะดาวเจ้าการ ห้ามทำการมงคลวันสุริยคราส จันทรุปราคา
7.ห้ามในขณะที่จันทร์ในดวงฤกษ์ทำมุมร้ายกับจันทร์เดิมหรือดวงเจ้าของฤกษ์
8.ห้าให้ฤกษ์ในขณะที่จันทร์VOC.
9.ให้กระทำการต่อเมื่อจันทร์บนท้องฟ้ามีแสงและมีมุมดีกับดาวศุภเคราะห์
10.หาลัคนาให้ตรงกับงานที่ต้องการและดาวเจ้าเรือนไม่เสีย
ขั้นตอนที่กล่าวมานี้พอเป็นสังเขป ยังไม่ได้เจาะลึกในด้านงานต่างๆตลอดจนหาฤกษ์ในการเจรจาต่อรอง เก็บเงิน ขายสินค้าแบบวินวิน ฤกษ์งามยามดีถ้าหากอยู่ในประเทศไทย ให้ระวังท่านที่จัดเจนตำราพรหมชาติ ทักท้วงเอานะครับเช่นห้าเผาผีวันศุกร์ โกนจุกวันอังคาร แต่งงานวันพุธ สิบเอ็ดนารี สิบสี่ภิกขุ
ดิถีพิฆาต ดิถีแมลงปอ วันโลกาวินาศน์ วันฟู วันจม แต่จริงๆแล้วฤกษ์ทำการควรจะเพ่งเล็ง ในเรื่องที่ห้ามให้มากที่สุด หลีกเลี่ยงได้ก็หลีก บางฤกษ์ดันไปตกกลางคืน หรือเกือบสว่าง บางท่านก็หัวเราะว่าฤกษ์อะไร เลิกทำดีกว่ามั้ง แต่เชื่อหรือมั้ยว่า บางเรื่องบางฤกษ์ให้ในเวลาที่มนุษย์ขี้เกียจตื่น นั้นส่งผลได้ดีมากทีเดียว บางท่านให้ฤกษ์ไปซื้อหวย กลับถูกโดยที่ไม่บอกเลขแต่ให้เวลานั้นไปซื้อหวยตอนเที่ยงคืน คนซื้อก็ขำ คนขายก็ลังเลแต่ปรากกว่างวดนั้น ถูกได้เงิน หรือบางท่านขอฤกษ์จะไปเจราจาขอความช่วยเหลือก็พอดีหาได้ตอนตีหนึ่ง ผลปรากฏว่าราบรื่น ดังนั้นท่านที่ได้รับฤกษ์จากโหรไปแล้วไม่กระทำตาม ถือว่าฤกษ์ที่จะขอต่อไปจากโหรท่านนั้นจะใช้ไม่ได้ผลตลอดไป เพราะเสียฤกษ์ตั้งแต่วันขอครั้งแรกแล้วครับ ต้องระวังให้ดี

วันพฤหัสบดีที่ 29 ตุลาคม พ.ศ. 2552

วันลอยกระทง พระจันทร์เค็มดวงในกรุงเทพกี่โมงกันแน่ แล้วจะทำอะไรกันดี

ข่าวสารจากชมรมSkyclock โหราศาสตร์สากล – ยูเรเนียน
วันเพ็ญแท้ ทำอะไรกันดีในเคือนพฤศจิกายน 2552
Full Moon (3.11.2009 2:21:00 GMT+7:00) Bangkok (13N45'00 100E31'01)
Tropical, Geocentric, Placidus
วันที่3 พ.ย. 2552 เวลา2.21 กรุงเทพ บนท้องฟ้า เป็นวันพระจันทร์เต็มดวง เป็นช่วงกำลังหลับสบาย อาจจะมีบางท่าน ยังไม่ได้หลับ อาจจะมีกิจกรรมต่างๆหลากหลาย บางท่านอาจจะยังฉลองกับเพื่อนๆ บางท่านอาจจะเล่นอินเตอร์เน็ต บางท่านอาจจะนั่งสมาธิ เพื่อรับพลังงานจากจักวาล เดี๋ยวจะมีวิธีนั่งแบบเต๋า เพื่อฟอกอากาศที่ไม่ดีออกจากร่างกาย ตอนนี้มานั่งวิเคราะห์ดาวบนท้องฟ้า หรือปัจจัยทางดาราศาสตร์กันว่า บนท้องฟ้าณ.เวลานี้เป็นอย่างไร
ชั่วโมงนี้เวลา2.12เช้าวันที่3 พ.ย. 2552 และตลอดทั้งวัน ควรหลีกเลี่ยงการทะเลาะเบาะแว้งกัน เป็นวันที่คนจะหงุดหงิดง่ายมากๆ งดการเจราจาที่จะเอาเปรียบกัน เพราะเป็นวันที่ต่างคนต่างไม่ยอมกัน เหมาะกับการอยู่บ้านปลีกวิเวกซะดีกว่า ไปฉลองนอกบ้านอาจจะมีเรื่อง ไม่ทันรู้ตัว ถ้าท่านเข้าใจฟ้า ก็คงไม่ไปดึงดัน ไม่ทำตัวต่อต้านก็จะกลายเป็นคนที่รู้จักใช้ชีวิต ที่สอดคล้องกับจักรวาล ไม่ประมาทชีวิตเพียงแค่คิดสนุกชั่วคราว เศร้าไปอีกนาน ดังนั้นขอแนะนำนั่งสมาธิสูดลมปราณ ล้างอากาศพิษออกจากร่างกาย เพื่อสร้างเงื่อนไขกับชีวิตในทางสร้างสรรค์ เมื่อเงื่อนไขดี สร้างกรรมดี กระทำในสิ่งที่ดี จะเป็นวงรอบชีวิตที่ดีๆต่อไปในข้างหน้า ตามวัฏฏะจากวงรอบเล็กจะนำไปสู่วงรอบใหญ่ จากการสร้างกรรมที่ดีในเรื่องเล็กๆ จากการคิดดีอยู่ในใจสม่ำเสมอจะนำไปสู่ภายนอกที่ยิ่งใหญ่ และสิ่งที่ดีๆจากการกระทำ ก็จะนำสิ่งที่ดีๆเข้าสู่ตัวตนทั้งร่างกายและจิตใจ ปลุกเสกตัวเองเข้าทุกวัน จะเป็นสิ่งมงคลที่จะพ้นภัยจากคนพาล คนเบียดเบียน และสิ่งที่ไม่ดีทั้งสิ้น วงรอบทาง โหราศาสตร์เป็นทางชี้แนะเพื่อหลีกเลี่ยงในสิ่งที่ไม่ดี เพราะสิ่งนั้นจะกลับมาเมื่อตอนอายุและวันเวลาที่คุณได้กระทำ เมื่อเอาอายุคูณสองเท่า
มาฝึกหายใจด้วยท้องน้อยกันเถอะ ?

การหายใจด้วยท้องน้อยเป็นการหายใจที่ได้รับการยอมรับว่า เป็นการหายใจที่ผ่อนคลาย ลุ่มลึก และร่างกายได้รับออกซิเจนมากที่สุด อีกทั้งเป็นการนวดอวัยวะในช่องท้องอีกด้วย "เรามีฝีกการหายใจด้วยท้องน้อย เพื่อสุขภาพที่แข็งแรงทุกวัน"...
การหายใจด้วยท้องน้อยจะดันกะบังลมให้แผ่ขยายออก แนะเนื่องจากมีเส้นชี่สำคัญ ๆ 9 เส้นพาดผ่านกะบังลม การหายใจที่ทำให้กระบังลมขยาย จึงเป็นการกระตุ้นการไหลเวียนของชี่และเลือดอย่างเต็มที่ อีกทั้งยังเป็นการนวดอวัยวะภายในช่องท้อง เมื่อหายใจเข้าลึก หน้าท้องขายายออก กะบังลมจะลดต่ำลง ทำให้อากาศถูกดึงเข้าไปถึงปลายปอด ปอดจึงสามารถรับออกซิเจนได้มากขึ้น วิธีนี้สามารถทำได้ทั้งขณะยืน นั่งและนอน
การหายใจด้วยท้องน้อยคุณต้องปล่อยให้ร่างกายทุกส่วนผ่อนคลาย นำความรู้สึกทั้งหมดมาวางไว้ที่จุด “ตันเถียนล่าง” จุดนี้ตั้งอยู่บนเส้นชี่กลางลำตัว ตำแหน่งอยู่หลังสะดือ และอยู่หน้าไต วางมือทั้งสองทับซ้อนกันเหนือสะดือปล่อยให้มือผ่อนคลายสบาย ๆ (ผู้หญิงวางมือซ้ายทับมือขวา ผู้ช่วยวางมือขวาทับมือซ้าย)
เริ่มต้นให้หายใจออกพร้อมกับเปิดปากเล็กน้อย ขณะที่หายใจออกหดกล้ามเนื้อท้องเบา ๆ หน้าอกผ่อนคลายและนิ่ง รู้สึกว่าชี่เก่า ๆ หรือลมในช่องท้องกำลังถูกบีบดันจากท้องน้อยออกไปพร้อมกับลมหายใจออก จากนั้นปิดริมฝีปากใช้ปลายลิ้นแตะฐานเพดานบนหลังฟันหน้าเบา ๆ ยังคงรักษาหน้าอกให้นิ่ง หายใจเข้าช้า ๆ ผ่านรูจมูก จินตนาการว่า อากาศเคลื่อนลงไปช้า ๆ จนถึงจุดตันเถียนล่าง เมื่ออากาศเคลื่อนเข้าไปจนเต็ม หน้าท้องจะค่อย ๆ พองขึ้นจนอากาศเต็มก็หยุดหายใจตามธรรมชาติสักหน่อยเท่าที่รู้สึกสบาย จากนั้นค่อย ๆ ผ่อนลมหายใจออกทางรูจมูกอย่างอ่อนโยนจนกระทั่งหน้าท้องแฟบลง
ทุกครั้งที่หายใจเข้า ให้จินตนาการว่ากำลังรับชี่หรืออากาศบริสุทธิ์เข้าสู่ร่างกาย และเมื่อหายใจออกให้รู้สึกว่าชี่เก่าหรือลมที่ตกค้างอยู่กำลังถูกผลักดันออกไป ถ้าคุณได้ยินเสียงลมในท้อง นี่คือสัญญาณว่าการนวดอวัยวะภายในเป็นไปด้วยดี
สำหรับผู้เริ่มฝึกอาจจะหายใจ 6 รอบต่อนาที แต่ฝึกไปจนชำนาญ คุณจะหายใจลึกและยาวขึ้นจนเหลือ 2 – 3 รอบต่อนาที การหายใจด้วยท้องน้อย จะสามารถลดการสูบหรี่ได้อีกด้วย

ข้อมูลฝึกลมหายใจจาก
http://www.tao-garden.net/index.php?option=com_content&task=view&id=47&Itemid=9

วันพฤหัสบดีที่ 17 กันยายน พ.ศ. 2552

ภาพวันงานโหรจรัญ 13 ก.ย. 2552





สรุปบรรยากาศงานสัมมนาวันโหรจรัญ ปี2009

สรุปบรรยกาศ
งานวันโหรจรัญครั้งที่ 5 ประจำปี 2552 “เศรษฐกิจและโรคภัยไทย 2553”
วันที่ 13 กันยายน 2552

ผ่านไปอีกครั้งสำหรับงานวันโหรจรัญครั้งที่ 5 ที่จริงอาจารย์ทรงยศบอกว่าเป็นครั้งที่ 6 แต่ปกรายงานครั้งที่ 5 ดันพิมพ์ผิดเป็นครั้งที่ 4 ก็เลยเลยตามเลย งานครั้งนี้เต็มไปด้วยเนื้อหาสาระแน่นมากๆ ด้วยวิทยากรด้านโหราศาสตร์ระดับครูหลายท่าน
ก่อนงานได้มีการลงทะเบียนก่อนเข้างาน ช่วงนี้เป็นช่วงที่นักโหราศาสตร์ด้วยกัน ได้มาทักทายกันหลังจากที่ 1 ปีกลับมาเจอกันครั้งหนึ่ง ชมดูหนังสือของค่ายต่างๆ ร้านหนังสือที่มาวางจำหน่ายได้แก่หนังสือของอาจารย์ประยูร พลอารีย์ นำโดยอาจารย์ปานใจ พลอารีย์ สำนักพิมพ์รัศมีจันทร์ ร้านนี้มีสาธิตโปรแกรมพร้อมกับดูดวงในตัวประกอบการสาธิตจุดเด่นของโปรแกรม และร้านของอาจารย์กิตตินันท์ เจนาคม ซึ่งมีหนังสือหลากหลาย หลายสาขาวิชา น่าสนใจ ต่อมาโหราศาสตร์โยคะซึ่งเป็นลูกศิษย์ของท่านอาจารย์จรัญ พิกุลอีกท่านหนึ่ง ได้นำหนังสือฤกษ์สำเร็จรูป ใช้ง่ายไม่จำเป็นต้องใช้ความรู้โหราศาสตร์ ก็ใช้เป็น มาแจกสำหรับท่านที่มาร่วมสัมมนา
ในกิจกรรมเสริมของการสัมมนาช่วงบ่ายทางskyclock ได้มีกิจกรรมเสริมโดยเปิดห้องพยากรณ์ในช่วงบ่าย เรียนเชิญนักโหราศาสตร์กิตติมศักดิ์ ซึ่งปกติไม่ได้รับดูดวงทั่วไป แต่ละท่านฝีมือระดับที่ลูกศิษย์ลูกหาใหญ่ๆโตๆ พึ่งพาเป็นร่มโพธิ์ไม่ให้ออกไปทำนายที่อื่น มีแต่จ่ายค่าเครื่องไปกลับพร้อมกับซองปัจจัย บางท่านไปเพื่อช่วยวิเคราะห์ในการทำมาหากินของลูกศิษย์ให้คล่องให้รวยยิ่งๆขึ้น ซึ่งในการดูหมอ(ตามศัพท์โหร)ครั้งนี้ เงินทั้งหมดเข้าชมรมskyclockเพื่อเป็นทุนในการจัดงาน ลูกค้าที่มาดูส่วนมากเป็นนักโหราศาสตร์ของแต่ละค่าย บางท่านมาดูเทคนิคการทำนายของskyclockว่าเป็นอย่างไร มีเทคนิคอะไรบ้าง อัดเทปเก็บไว้ฟังด้วย บางท่าน1คนแต่ขอจองนักโหราศาสตร์3 ท่านก็มี 3 ท่าน3เทคนิค คุ้มค่า
ดูหมอไปซักด้วยว่าดูอย่างไร คำพูดนี้มาจากดาวตัวไหน คุ้มค่าดูได้บำรุงชมรม ได้ดูดวง ได้วิชาติดกลับบ้านไปด้วย
รายนามนักโหราศาสตร์ที่มานั่งทำนายทายทักดังนี้
1.อาจารย์วรเชรษฐ ติยเกษม ลูกศิษย์อ.จรัญ พิกุลสายเชียงใหม่
2.อาจารย์ภารต ถิ่นคำ webmaster Astroclassical.com
3.อาจารย์หนุ่ม webmaster payakorn.com
4.อาจารย์ทรงยศ รัศมีพงศ์ ชมรมskyclock
5.อาจารย์กรองกาญจน์(Krongkarn Dhananaiyapergse)แห่งระเบียนโหรโรงแรมเอเชีย สมาชิกชมรมskyclock
เริ่มต้นงาน ดร.จรัสโรจน์ ทายาทอาจารย์จรัญ พิกุล กล่าวเปิดงานพร้อมกับให้เกียรติเป็นวิทยากรกิตติมศักดิ์ ในช่วงรำลึกถึงอาจารย์จรัญ พิกุล
อาจารย์ภารต ถิ่นคำ
เริ่มต้นเปิดงานอาจารย์ภารตได้เล่าถึงประสบการณ์เรียนโหราศาสตร์ของตน จนกระทั่งมารู้จักอาจารย์จรัญสมัยทำยูเรเนียนสัมพันธ์ ราวปี 2524-2528 และเป็นลูกศิษย์ทางโทรศัพท์ ประทับใจที่อาจารย์จรัญมีผลงานต่อเนื่องอยู่ตลอดเวลาตั้งแต่อาจารย์ภารตเป็นเด็กจนกระทั่งโต โดยเฉพาะได้นำเรื่องวงรอบตามแนวทางของอาจารย์จรัญไปใช้ประโยชน์ได้เป็นอย่างมาก
อาจารย์รุจ ดุลยากร
นำเสนอเรื่องโหราโยคะออกกำลังการเพื่อสุขภาพ อาจารย์เกริ่นตอนต้นว่าได้เทคนิคและวิธีการของอาจารย์จรัญไปประยุกต์ใช้กับโยคะในหลายเรื่องทั้งเรื่องวงรอบ ฟ้าเปิด-ฟ้าปิด จันทร์ทำมุม-ไร้มุม วันสำคัญ-อาทิตย์เข้ามุมสำคัญ เป็นต้น เสร็จแล้วก็นำออกกำลังกายด้วยท่าโยคะสมาธิ โดยเริ่มจากไหว้ครูด้วยบทสวดชุมนุมเทวดา ตามด้วยการเป่าสังข์ จากนั้นก็เริ่มแนะนำท่าโยคะออกกำลังกายให้คนในห้องทำตาม นับได้ 9 ท่าพอดี ดูเหมือนจะมีชื่อตามดาวนพเคราะห์ ปิดท้ายด้วยให้คนในห้องยืนสงบนิ่งกำหนดหายใจเข้าออกเพื่อแผ่เมตตาต่อตัวเองและสรรพสัตว์ทั้งหลาย

อาจารย์อารี สวัสดี
ขึ้นมาบรรยายในหัวข้อ ปัจจัยทางดาราศาสตร์นำไปต่อยอดทางโหราศาสตร์ เริ่มจากการแนะนำหนังสือดาราศาสตร์และโหราศาสตร์โบราณ ทั้ง Tetrabiblos และ Almagest ของปโตเลมี ที่น่าสนใจมากคือ Recent Advance in Natal Astrology เป็นผลงานวิจัยเชิงลึกของเทคนิคทางโหราศาสตร์ที่ใช้กันอยู่ในอดีตถึงปัจจุบันโดยนักโหราศาสตร์ มีนาย Geoffrey Dean เป็นผู้รวบรวมแก้ไข ไม่รู้ว่าผู้สนใจจะไปหาได้อีกหรือเปล่าเพราะอาจารย์บอกว่าเก็บไว้ร่วม 10 ปี ที่บ้านจนเห็นปลวกขึ้นที่เก็บเป็นทางก็เลยเจอเล่มนี้ แล้วก็เข้าเรื่องซึ่งส่วนใหญ่เป็นการบรรยายเกี่ยวกับสุริยคราสที่เกิดขึ้นล่าสุดเมื่อวันที่ 22 ก.ค. 2552 ที่นักดาราศาสตร์บอกว่านานที่สุดในศตวรรษที่ 21 แล้วก็ต่อยอดไปถึงสุริยุปราคาในอดีตที่เคยเกิดขึ้นเมื่อ 20 มิ.ย. 2498 ว่าเป็นครั้งที่นานที่สุดในศตวรรษที่ 20 และก็มีความสัมพันธ์กับครั้งล่าสุดคืออยู่ในวงรอบ Saros ที่ 136 เช่นเดียวกัน โดย 1 วงรอบ Saros จะใช้เวลา 1300-1500 ปี (ที่สุริยุปราคาจะเกิดตรงตำแหน่งเดิม) ก็ได้เกร็ดเล็กเกร็ดน้อยมาเช่นก่อนเกิดสุริยคราส จะเกิดจันทรคราสก่อนและหลังประมาณ 1 สัปดาห์แต่เป็นจันทรคราสแบบเงามัว แต่นักโหราศาตร์ไม่ค่อยเอามาทำนายทายทักเพราะนักดาราศาสตร์ไม่ได้ประกาศออกไป และปรากฏการณ์อุปราคานี้ทางนักดาราศาตร์ถือว่าเป็นเรื่องปกติ แต่นักโหราศาสตร์บางท่านชอบเอามาทำนายทายทักเป็นเรื่องร้าย อาจารย์กล่าวสรุปด้วยการยกข้อความตำราพิชัยสงครามของขงเบ้งที่เคยกล่าวไว้ถึงการจัดแบ่งประเภทขุนพลความตอนหนึ่งว่า “ขุนพลผู้ใดมีจิตภราดรภาพ มีเมตตากรุณาเป็นที่เลื่องลือไปทั่วโลก มีสัจจะและศีลธรรมเป็นที่ยกย่องนับถือของประเทศเพื่อนบ้าน มีความเจนจบทางด้านดาราศาสตร์และรอบรู้ด้านภูมิศาสตร์ รู้จักใช้คนให้แสดงความสามารถ สร้างภราดรภาพขึ้นในสากลโลก ขุนพลเช่นนี้เรียกว่ายอดขุนพลผู้เกรียงไกรแห่งจักรวาล ซึ่งข้าศึกไม่อาจจะต้านทานได้”

แพทย์หญิงศันสนีย์ เสนะวงษ์
หลังจากนั้นก็เข้าสู่การสัมนาเรื่องไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ 2009 ที่ได้เชิญผู้เชี่ยวชาญด้านวิชาการมาให้ความรู้ และนักโหราศาสตร์มาให้ทัศนะ เปิดการบรรยายโดยพญ.ศันสนีย์ ที่อธิบายชนิดของไข้หวัดใหญ่ที่มีทั้งไข้หวัดตามฤดูกาลและไข้หวัดสายพันธุ์ใหม่ที่วิตกกันอยู่ว่าเป็นคนละสายพันธุ์กัน อดีตของการเกิดการระบาดครั้งใหญ่ 7 ครั้งตั้งแต่ปีพ.ศ. 2432, 2443, 2461, 2500, 2511, 2552 โดยเฉพาะที่รุนแรงมากเกิดขึ้นในปี 2461 เรียกว่าไข้หวัดสเปนที่คร่าชีวิตคนไปมากในไทยมีคนป่วยกว่า 2.3 ล้านคนเสียชีวิต 8 หมื่นคนขณะที่เวลานั้นไทยมีประชากรเพียง 8.5 ล้านคน ส่วนไข้หวัดสายพันธุ์ใหม่ 2009 พบผู้ป่วยรายแรกในเม็กซิโก เดือนมี.ค. ,รายแรกในไทย วันที่ 3 พ.ค. และติดเชื้อภายในประเทศไทยคนแรกแต่เป็นคนที่ 7 ในไทย วันที่ 31 พ.ค. โดยแบ่งระดับความรุนแรงของการระบาดออกเป็น 3 ระยะคือ คนต่อคน, ติดต่อระดับประเทศ และติดต่อระหว่างประเทศ หากจะฉีดวัคซีนไข้หวัดใหญ่พึงตระหนักว่าไม่สามารถป้องกันไข้หวัดสายพันธุ์ใหม่ได้ แต่ช่วยลดการเกิดการกลายพันธุ์ การกลายพันธุ์สืบเนื่องมาจากหมู เนื่องจากหมูสามารถติดเชื้อได้ง่ายทั้งจากคนและจากสัตว์ปีก หมูจึงเป็นตัวแลกเปลี่ยนพันธุกรรมของเชื้อในคนและเชื้อในสัตว์ปีก การป้องกันควรสวมหน้ากากปิดปากจมูก ล้างมือบ่อยๆ เพราะเวลาไอจาม ฝอยเล็กๆไปไกลถึง 5 เมตรและแขวนลอยในอากาศ หากติดไข้หวัด ใช้ยาลดไข้ได้แต่ต้องเป็นพวกพาราเซตามอล และห้ามเด็ดขาดสำหรับแอสไพริน ควรหยุดงานจนกว่าหายไข้ แต่ถ้า 3-5 วันแล้วไข้ไม่ลด มีอาการไอมากขึ้น เจ็บหน้าอก หายใจเร็วต้องรีบพบแพทย์ การวินิจฉัยในห้องปฏิบัติการจะใช้น้ำล้างโพรงจมูกได้ผลชัดที่สุด โดยใช้เวลาวินิจฉัย 6 ช.ม.ถึง 3 วัน การเจาะเลือดใช้เพื่อตรวจดูภูมิคุ้มกัน ไม่มีผลต่อการวินิจฉัยโรคแต่อย่างใด วัคซีนป้องกันไข้หวัดสายพันธุ์ใหม่คาดว่าจะเริ่มผลิตได้ปลายปีนี้ สุดท้ายพญ.ศันสนีย์ เน้นย้ำว่าอย่าเพิ่งลืมไข้หวัดนกที่มีความรุนแรงมากกว่า

นายแพทย์สนธยา พรึงลำภู
บรรยายเรื่องปัจจัยทางโหราศาสตร์ที่เกี่ยวข้องกับโรคระบาด และคนไข้ที่เป็นโรคระบาดว่ามีปัจจัยทางโหราศาตร์ใดบ้างที่เกี่ยวข้อง โดยแนะนำว่าการพิจารณาความสัมพันธ์ระหว่างปัจจัยใดๆควรพิจารณาความสัมพันธ์ทาง Latitude (Declination) ด้วยนอกเหนือไปจากพิจารณาความสัมพันธ์ทาง Longitude ที่ใช้พิจาณาความสัมพันธ์เชิงมุมกันอยู่โดยทั่วไป และจากการพิจารณาดวงสงกรานต์ปี 1918 ที่เกิดไข้หวัดสเปนพบว่า SA กุม NE ในราศีสิงห์ สนิทองศาทั้งทาง Longitude และ Latitude ซึ่งหมายถึงมีทุกข์จากการติดเชื้อ สำหรับปีนี้ แม้มีดาวไม่ดีกุมกันหลายดวง แต่ในเชิง Latitude ยังมีความห่างกันจึงไม่น่าส่งผลแรงเท่า และวิธีพิจาณาว่าโรคระบาดจะเกิดขึ้นที่ไหน โดยให้ดูว่าปัจัย UR, SA, NE พาดผ่านประเทศใด สำหรับปีนี้การกุมกันของ CH, NE และ JP ในราศีกุมภ์ พาดผ่านไทย ขณะที่ศูนย์รังสี CH, NE, JP ก็พาดผ่านประเทศเม็กซิโกแสดงถึงการระบาดในทั้ง 2 ประเทศ สำหรับอนาคตอันใกล้พบว่า SA/NE จะพาดผ่านสหรัฐ และอินเดีย ทำให้ทั้งสองประเทศนี้เสี่ยงต่อการระบาดในครั้งต่อไป นอกจากนี้ช่วงหลายปีนี้ SA จะจตุโกณกับ PL จึงต้องระวังการกลายพันธุ์ และยังพบ SA กุมกับเกตุสากล แสดงถึงจะมีการเจ็บป่วย ส่วนปี 53 ต้องระวังช่วงปลายเดือนก.ค.ที่ MA และ SA ย้ายเข้ามากุมกันในราศีตุลย์และเล็ง UR ในราศีเมษ ซึ่งต่างอยู่อยู่บนจุดตั้งต้นราศีทวาร

หลังจากนั้นอาจารย์ก็ยกตัวอย่างผู้ป่วยด้วยไข้หวัด 2009 เนื่องจากไม่ทราบเวลาเกิดจึงใช้ SU ในดวงกำเนิดเป็นหลัก เทียบกับดวงจรสุริยคติ และดวงจรปัจจุบัน ณ วันเกิดการติดเชื้อ พบว่า SUr มักสัมพันธ์กับ NE โดยในดวงตัวอย่างรายแรกมี SUv และ MAt ทำมุม 150 องศากับ NEr และ MAt , รายที่สองมี SUt=NEr, รายที่สามมี SUv=[MA/NE]r (หมายถึงภูมิคุ้มกันอ่อนแอ) เป็นต้น โดยสรุปหากมี SUt หรือ SUv ทำมุมกับ NEr มีโอกาสเสี่ยงต่อการติดเชื่อโดยเฉพาะเวลามี MAt เข้ามาสัมพันธ์ด้วย

ดร.วินัย อวยพรประเสริฐ
บรรยายในเรื่องปัจจัยทางโหราศาสตร์ที่เกี่ยวข้องกับโรคระบาดเช่นเดียวกันโดยเริ่มจากนิยามไข้หวัดใหญ่ว่าคือไข้ขึ้นสูงทำลายปอด จากนั้นก็นำเสนอภาษาสัญลักษณ์ในลีลาของศรีกันย์ (ซึ่งเป็นนามปากกาของท่าน) ได้แก่

ความหมายและสัญลักษณ์ที่ใช้
ความหมาย สัญลักษณ์ ความหมาย สัญลักษณ์
ไข้หวัด MA, NE, AD ป่วย SA
ใหญ่ VU เฉียบพลัน UR
สายพันธุ์ NO ปอด JU
ใหม่ PL สูง KR

การผสมความหมาย
ไข้หวัด MA =NE =AD
ป่วยเฉียบพลันด้วยโรคมีผลต่อประชาชน SA =UR =NE =MO
สายพันธุ์ใหม่ NO =UR
โรคเฉียบพลัน SA =UR
ไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ (MA=ME=AD) =VU =(NO=UR)
การฉีดวัคซีน AS =SA =NE
ไข้สูง MA =KR
โรคติดต่อ (AR =NE =MA), (SA =NE)
โรคติดต่อร้ายแรง (AR =HA =NE), (AR =HA =VU)
โรคระบาด (SU =HA =AP, SA =NE),
(HA =AP =MO, SA =NE =AR),
(SA =NE =UR)
การติดเชื้อ MA =NE
ติดเชื้อจากผู้อื่น MA =NE =AS


ตามด้วยการบรรยายถึงข้อควรพิจารณา ซึ่งได้แก่
• การใช้ดวงสุริยคราส [อาจบ่งบอกถึงโรคระบาดได้ดี] จากงานวิจัยในต่างประเทศพบว่า การเกิดสุริยคราสทำให้สนามแม่เหล็กไฟฟ้าแปรปรวน และสนามแม่เหล็กไฟฟ้าก็มีความสัมพันธ์กับการแพร่กระจายของโรคระบาด
• การใช้ดวงอมาวสี ดวงปูรณมี [ไว้เจาะลึกเพื่อดูพัฒนาการของเรื่อง เช่นเริ่มติดเชื้อ กลายพันธุ์ ค้นพบวัคซีน เป็นต้น]
• จังหวะที่ SA เล็ง UR ถึง 3 ครั้ง ได้แก่ปลาย 2008, ต้น 2009 และช่วงนี้ [เกิดจากปัจจัยทั้งสองมีการสลับกันเดินถอยหลังในช่วงเวลาดังกล่าว ซึ่งจะหมายถึงเหตุการณ์จะยืดเยื้อยาวนาน]
• การพิจาณา Galactic Center เป็นปัจจัยร่วมในการวิเคราะห์เนื่องจากมีพลังมากกว่าอาทิตย์
• การพิจาณาวงรอบจุดดับอาทิตย์ (Sunspot Cycle) ประกอบ เพื่อพิจาณาถึงช่วงเวลาที่ให้ผลแรง

หลังจากนั้นอาจารย์ได้ยกกรณีศึกษาขึ้นมาพิจารณาโดยเริ่มจากดวงสุริยคราสวันที่ 26 มกราคม 2009 เวลา 14:56 น.กรุงเทพฯ พบโครงสร้างที่สำคัญคือ

ดูจุดเริ่มต้น
ความสัมพันธ์ ความหมาย
SA เล็ง UR การป่วยเฉียบพลัน
SA = AS กระทบประเทศไทย
UR โคจรไปสู่ VE กำลังย่างกรายสู่มนุษย์
SU กุม JU เกี่ยวกับปอด
T-Sqr ของ SA, UR มี MO เป็นแกน กระทบประชาชน
MO 120 กับ ME มีการแพร่ระบาด
MO 135 กับ JU มีปอดเป็นที่อาศัย

นอกจากนี้ GC เล็ง HA และสัมพันธ์กับ AP [เป็นเรื่องร้ายแรง, วิชามาร]

ดูการพัฒนาการ

[พิจารณาจาก SA เล็ง UR สนิทองศา ในวันที่ 5 กุมภาพันธ์ 2009 และ 19 กันยายน 2009]
• วันที่ 5 กุมภาพันธ์ 2009 เวลา 18:00น. พบโครงสร้าง T-Square ของ SA, UR, MO และ SA เล็ง UR (ป่วยเฉียบพลัน) สัมพันธ์ MO (กระทบประชาชน) สัมพันธ์ ME (มีการติดต่อแพร่ระบาด) สัมพันธ์ JU (มีปอดเป็นที่อาศัย)

• วันที่ 15 กันยายน 2009 เวลา 19:50น. มี SA (ป่วย) กุม UR (เฉียบพลัน) สนิทองศาหมายถึงจะมีการระบาดอีกในระยะเวลาอันใกล้

[พิจารณาจากดวงดิถี]
• วันที่ 25 เมษายน 2009 เวลา 10:24น. (New Moon) พบโครงสร้าง
PL (การขยายพันธุ์) =MA (สัตว์) =VE (คน) หมายถึงมีการกลายพันธุ์

• วันที่ 9 พฤษภาคม 2009 เวลา 11:13น. (Full Moon) พบโครงสร้าง
รูปว่าวสามเหลี่ยม SU =ZE =VE =MO เริ่มพบการติดเชื้อในคน


ดูจุดสิ้นสุด
วันที่ 19 กันยายน 2009 เวลา 1:45น. (New Moon) พบโครงสร้าง T-Square ของ A, NE, SA ที่แสดงถึงการค้นพบวัคซีนและจะทำให้สถานการณ์ดีขึ้น นอกจากนี้การพิจาณาวงรอบจุดดับอาทิตย์พบว่ามีความเข้มมากที่สุดในปี 2003 ซึ่งเป็นปีที่เกิดการระบาดของไข้หวัดนก โรคระบาดในปัจจุบันจึงมีระดับความรุนแรงน้อยกว่า

สรุป
คาดว่าภายในปีนี้จะมีการค้นพบวัคซีนป้องกันโรค ทำให้การแพร่ระบาดไม่น่ากลัว

หมายเหตุ:
1. เนื่องจากเวลาค่อนข้างจำกัดแต่มีประเด็นที่น่าสนใจ ข้อความใน [] จึงเป็นการขยายความของผู้สรุป
2. สัญลักษณ์ที่อาจารย์ให้ไว้เช่น A= B= C จะหมายถึงความสัมพันธ์เชิงมุมในรูปแบบไหนก็ได้ ทั้งปัจจัยโดด ศูนย์รังสี จุดอิทธิพล ดังนั้นจะรวมถึง A=B=C, A+B-C, A+B+C, A-B-C, A/B//C และอื่นๆ อย่างไรก็ตามอาจารย์เคยกล่าวว่าหลายครั้งเราพบความสัมพันธ์แรงๆในรูปแบบของปัจจัยโดด ที่ประกอบกันเป็นดาวเข้ารูป (Planetary Pictures) และผู้เรียบเรียงเข้าใจว่าในการบรรยายครั้งนี้อาจารย์จะเน้นไปที่ความสัมพันธ์ในรูปของปัจจัยโดดเป็นหลัก
3. Galactic Center คือจุดศูนย์กลางของจักรวาลทางช้างเผือกที่อาทิตย์เคลื่อนที่หมุนรอบ หรือบางทีเรียกว่าเป็นดวงอาทิตย์ของดวงอาทิตย์ เป็นตำแหน่งศูนย์กลางแรงโน้มถ่วงที่ดึงดูดดวงดาวในจักรวาลเข้าไว้ด้วยกัน ในจักราศีแบบฤดูกาล จุด GC จะโคจรตามจักราศีในอัตราเร็วปีละ 0.84 ลิบดา หรือ ประมาณ 71 ปีต่อ 1 องศา ล่าสุดอยู่ที่บริเวณ องศาที่ 27 ราศีธนู
4. Sunspot Cycle เกิดจากปริมาณจุดดับบนดวงอาทิตย์มีจำนวนผันแปรเป็นวัฏฏจักรที่มีคาบเฉลี่ยประมาณ 11 ปี ทำให้เกิดการแผ่รังสีแม่เหล็กไฟฟ้าไม่เท่ากัน และเกิดปรากฏการณ์สลับขั้วสนามแม่เหล็กของดวงอาทิตย์ ซึ่งงานวิจัยในต่างประเทศพบว่ามีผลต่อสิ่งมีชีวิตบนโลก

อาจารย์เกษม ปาละวิสุทธิ์
มาบรรยายในหัวข้อการพยากรณ์ตามแนวทางโหราศาสตร์ยูเรเนียน อาจารย์ออกตัวว่าไม่ค่อยสบายหลัง NEv กุม SUr ทำให้เหงือกอักเสบ ทานยาแก้อักเสบแล้วแพ้ แล้วเผยเคล็ดลับว่าปากกับอวัยเพศในทางโหราศาสตร์เกี่ยวข้องกัน [พฤษภปกครองปาก, พิจิกปกครองอวัยวะเพศ] โชคดีที่ MAt ไม่เกี่ยวข้องทำให้ไม่เป็นอะไรมาก หลังจากนั้นได้เล่าถึงประสบการณ์การทำงานในฐานะนักโหราศาสตร์เริ่มตั้งแต่ออกดูตามหมูบ้าน จนถึงตั้งสำนักพยากรณ์ขึ้นมา 2 ครั้งซึ่งก็ไม่ประสบความสำเร็จ อาจารย์ให้ข้อคิดที่สำคัญว่านักพยากรณ์ไม่ควรเปลี่ยนแปลงเบอร์โทรศัพท์และสถานที่ติดต่อเพราะทำให้สูญเสียลูกค้า ช่วงที่ตั้งสำนักงานมีอุปสรรคสำคัญคือค่าใช้จ่ายเนื่องจากรายได้ประเมินล่วงหน้าไม่ได้ เพราะความต้องการของลูกค้าเกิดขึ้นตามอารมณ์ อาจเปลี่ยนใจไม่มาดูทั้งที่นัดล่วงหน้าไว้แล้ว เคยพยากรณ์ตามโรงแรมโดยมีคอมพิวเตอร์โน๊ตบุ้คเป็นเครื่องมือผูกดวง พบว่าเพื่อนนักโหราศาสตร์อีกท่านที่ใช่จานหมุนและเขียนดาวด้วยมือกลับมีลูกค้าให้ความสนใจมากกว่า เลยได้ข้อคิดว่านักโหราศาสตร์ควรมีลักษณะเด่นจนลูกค้าลืมไม่ลง กรณีเป็นหัวหน้าทีมให้คำแนะนำว่าไม่ควรแย่งลูกค้ากับลูกทีม เล่าถึงประสบการณ์พยากรณ์ในห้างครั้งแรกมีการตั้งโต๊ะพยากรณ์อยู่ในร้านขายหนังสือแถวอิมพีเรียลาดพร้าว พบว่ามีลูกค้ามาก และไม่มีปัญหาเรื่องต้นทุนเพราะเจ้าของร้านหนังสือออกค่าใช้จ่าย พอมาเช่าพื้นที่เองเปิดห้องพยากรณ์กลับมีปัญหาเลยต้องกำหนดว่าลูกค้า 3 รายแรกควรเป็นของหัวหน้าทีมเพื่อสนับสนุนค่าเช่า กรณีร่วมงานในสำนักพยากรณ์ควรระวังการสูญเสียลูกค้าประจำ กรณีที่คิวเราไม่แน่นอนเพราะหัวหน้าสำนักมักมักจัดคนอื่นสลับกับเรา เล่าถึงประสบการณ์พยากรณ์ในห้องอาหารที่คุณโอฬาริกเปิดร้านคิวปิโดและพบกับอาจารย์อารีเป็นครั้งแรก ว่าต้องประชันกับคาราโอเกะ ทำให้ต้องใช้เสียงดังและหลังๆติดเรื่องเสียงดังมาด้วย ช่วงท้ายอาจารย์แนะนำวิธีพยากรณ์โดยไม่ต้องออกจากบ้าน ดังนี้ 1) แจกนามบัตร 2) ควรวิเคราะห์เหตุการณ์จรลูกค้าละเอียดระดับเดือน โดยเฉพาะการใช้ดวงอมาวสี และพยากรณ์รายเดือนให้ 1 เดือนแถมไปโดยไม่คิดเงิน หากทำนายถูก ลูกค้ามักกลับมาเอง 3)พยากรณ์พื้นดวงได้ถูกมีผลในการดึงลูกค้ากลับมาใช้บริการภายหลังได้น้อย 4) อย่าทิ้งจุดเด่นของยูเรเนียนที่มีการให้รายละเอียดอย่างมากมาย การพยากรณ์น้อยกว่า 1 ชั่วโมงอาจให้คุณภาพต่ำ จึงต้องยอมรับจุดอ่อนของยูเรเนียนที่ต้องใช้เวลาพยากรณ์นานเมื่อเทียบกับการพยากรณ์แขนงอื่น 3ดวงของยูเรเนียนอาจใช้เวลาเท่ากับ 10 ดวงของการพยากรณ์ประเภทอื่น
สุดท้ายอาจารย์ให้คำแนะนำว่ากรณีไม่มีเวลาเกิดแน่นอน การใช้โค้งร่วมกับ JUtและ SAt จะช่วยในการพยากรณ์ได้ แต่ก็ควรบอกลูกค้าถึงโอกาสคลาดเคลื่อน ถ้าลูกค้าไม่ยอมรับก็ควรยอมปล่อยลูกค้าให้กับนักโหราศาสตร์ท่านอื่นๆ

อาจารย์ภารต ถิ่นคำ
มาบรรยายเรื่องโหราศาตร์สมรสตามแนวสากล-ยูเรเนียน ด้วยวิธีการที่เรียกว่าสมพงษ์ดวงชะตา (Synastry) โดยอาศัยแนวทางอาจารย์จรัญ ที่จับคู่ดาวในดวงหญิงและชายเทียบกัน ตามด้วยการส่องรายละเอียดของดาวที่สนใจด้วยยูเรเนียน มีขั้นตอนที่สำคัญคือ (1) ดู SU และ MO ของทั้งสองฝ่ายเปรียบเทียบกันว่ามีมุมสัมพันธ์หรือไม่ ถ้าไม่มีจะไม่สามารถครองคู่กันเลย (2) มุมสัมพันธ์ที่ใช้พิจารณาได้แก่ 0, 15, 22.5, 30, 36, 40, 45, 60, 72, 80, 90, 108, 120, 135 ,140, 150, 160, 180 ยอมให้ระยะวังกระไม่เกิน +/- 1 องศา (3) กรณีสัมพันธ์ด้วยมุมแข็ง คือ 45, 90, 135 ,180 แม้ครองคู่กันก็ต้องอยู่ด้วยความขัดแย้งตลอดเวลา (4) ให้ดู VE และ MA ของทั้งสองฝ่ายเปรียบเทียบกันเพื่อบ่งบอกรสนิยมทางเพศและความพึงพอใจซึ่งกันและกัน มีเคล็ดลับว่าถ้า VE ของฝ่ายหนึ่งสัมพันธ์กับ PL ของอีกฝ่ายมักรักกันและได้เสียกันเร็วมาก (5) แม้ครองคู่กันก็ควรดูวิกฤตของอายุ ซึ่งจะเกิดขึ้นเมื่อดาวใหญ่จรทำมุมแข็งกับดาวใหญ่เดิม เช่นอายุ 21 (UR), 22 (SA), 28-30 และ 42-45 (SA, JU) เป็นต้น (6) เจาะลึกลักษณะของคู่ครองโดยใช้ศูนย์รังสี เช่น กรณีดูดวงฝ่ายชาย SU/MA บอกลักษณะของสามีว่าเป็นคนแบบไหน, SU/CU บอกลีลาการใช้ชีวิตครอบครัว, MO บอกว่าผู้หญิงที่ฝ่ายชายชอบมีลักษณะเช่นใด, MO/CU บอกว่าผู้หญิงที่อยู่ด้วยกันมีลักษณะเช่นใด เป็นต้น (7) วิธีแก้ไข ดูจากจุดดึงดูดทางเพศ คือ VE/VU หรือ VE/CU แล้วปรับปรุงจากการแต่งกาย (ลัคนา) โดย VE + CU + AS อยู่ตรงไหน ควรแต่งกายตามนั้น เน้นย้ำว่าให้ใช้ +AS ไม่ใช่ -AS เนื่องจาก AS ที่ใช้ต้องเป็นดาวสะท้อน (สิ่งที่คนอื่นมองเห็น) หากต้องการมีโชค (JU) โดย VE + CU –JU อยู่ตรงไหนให้ทำตามนั้นครอบครัวถึงมีความสุข

อาจารย์กิตตินันท์ เจนาคม
บรรยายเรื่องดวงลูกหนังเริ่มจากให้นิยามธรรมชาติของกีฬาฟุตบอล ผู้ชนะคือผู้ที่ยิงประตูมากกว่า การชนะมีทั้งขาดลอยและไม่ขาดลอย ทีมมีทั้งทีมเป็นรองและทีมเล่นไม่เก่ง ต้องเข้าใจธรรมชาติตรงนี้ก่อน ดวงชะตาที่ใช้วิเคราะห์ประกอบด้วย (1) ดวงเมืองที่เป็นที่ตั้งของทีมนั้น โดยใช้ MC และ AS ท้องถิ่นของแต่ละเมือง ส่วน MC และ AS ท้องถิ่นจร จะใช้กรณีทัวร์นาเมนต์ โดยกำหนดให้จรจากวันแรกของการแข่งขันเท่ากับ 1 วันต่อ 1 องศา (2) ดวงวันเริ่มต้นหรือเปิดฤดูกาลจะใช้กรณี Leaque (3) ดวง ณ วัน/เวลาตอนเริ่มแข่งขัน ใช้กรณีเฉพาะเจาะจง เทคนิคเพิ่มเติม (1) ดวงผู้จัดการทีม ผู้รักษาประตูซึ่งนายอูโด้เคยแนะนำ หรือนักกีฬา แต่ต้องระวังการเปลี่ยนตัวระหว่างการแข่งขันและแปลความหมายผิด เช่น JU สัมพันธ์ดีกับผู้จัดการอาจหมายถึงดีใจกระโดดจนตัวลอยเวลาทีมยิงได้ ซึ่งไม่ได้หมายความว่าจะชนะ ดวงนักกีฬามักบอกเฉพาะความรับผิดชอบและความโดดเด่นในวันนั้น และที่สำคัญเวลาเกิดอาจไม่มีหรือไม่แน่นอน (2) ถ้าดาวเดินช้ายังไม่สนิทองศา ใช้ดาวเร็วดูประกอบได้ แต่ถ้าใช้ดาวเดินเร็ว ศูนย์รังสี จุดอิทธิพล จะต้องสนิทองศากับ MC และ AS ท้องถิ่นช่วงที่กำลังแข่งขัน MOt น่าจะบอกอารมณ์ในช่วง 1องศา หรือ 2 ชั่วโมงได้ดี (3) มุมสัมพันธ์ใดๆ เช่น 7.5 ,22.5 ต้องทดลองดู แล้วเหตุการณ์จริงจะเป็นตัวพิสูจน์ว่าใช้ได้หรือไม่ได้ (4) ดูว่าฤดูกาลนี้ทีมไหนน่าเป็นแชมป์ให้ดูโครงสร้างใหญ่ของท้องฟ้าว่าทำมุมกับ MC และ AS ท้องถิ่นของใคร MC/AS ท้องถิ่น ยังใช้ดูเมืองที่น่าลงทุนได้อีกด้วย (5) อูโด้แนะนำให้ใช้จุดชนะ (winner points) สัมพันธ์ถึง SU ฝ่ายไหนมากกว่ากัน แต่อาจารย์เห็นว่าการใช้จุดแพ้/ชนะยังมีความไม่แน่นอนเพราะการตีความผิด รวมถึงอย่ายึดมั่นกับความหมายตามตำรามากไป จุดชนะที่สำคัญได้แก่ SU+MA-JU, MA/JU, ZE/KR (6) การหาว่าฝ่ายไหนมีโอกาสทำผิดพลาดมากที่สุด บางครั้งง่ายกว่าหาผู้ชนะ (7) โครงสร้างไหนรู้สึกสะดุดใจให้ใช้อันนั้น ให้ทำตัวเป็นผู้จัดการทีม แม้หลายโครงสร้างมีทั้งดีและไม่ดีและจะมีอันเดียวที่ให้ sense ของการแพ้/ชนะ

สุดท้ายอาจารย์ฝากเป็นข้อคิดว่า (1) ไม่จำเป็นต้องใช้เทคนิคเดียวให้หาหลายๆเทคนิคประกอบกัน ขอให้เทคนิคที่ใช้สามารถตอบได้ว่าภายใน 2 ชั่วโมงของการแข่งขัน จะเกิดอะไรขึ้นบ้าง แล้วต้องพิสูจน์ด้วยตัวเองจนมั่นใจ (2) ระวังความรู้สึกจากปัจจัยภายนอก ทำให้ไม่เชื่อดวง เช่นเห็นทีมที่น่าชนะ(ตามดวง) เล่นห่วยหรือชอบ/ไม่ชอบทีมใดเป็นพิเศษ (3) ใครไม่รู้จักฟุตบอลจะทายให้แม่นยำได้ยาก

ดร.พิชิต ลิขิตกิจสมบูรณ์
บรรยายเรื่องสภาวะเศรษฐกิจโลกกับสินค้าเกษตรไทยปี 53 อาจารย์พยายามที่จะตอบคำถาม 3 ข้อคือ (1) เศรษฐกิจไทยถึงก้นเหวแล้วยัง (2) ถ้าถึงแล้ว เด้งกลับแล้วยัง เป็นแบบไหน ตัว L หรือตัว V (3) การใช้ดวงดิถีดูชะตาบ้านเมือง ได้แก่ดวง Full Moon, New Moon, First Quarter, Last Quarter โดยเริ่มจากการวิเคราะห์เศรษฐกิจไทยว่า ปัญหาการตกต่ำของเศรษฐกิจมาจากทั้งปัจจัยภายนอกและภายใน ทางด้านปัจจัยภายนอก เนื่องจากธนาคารกลางประเทศสหรัฐ ยุโรป และญี่ปุ่นดำเนินนโยบายผิดพลาด ส่งผลให้เกิดภาวะเศรษฐกิจฟองสบู่ ตามมาด้วยปัญหาคนว่างงาน การลดการบริโภค และการลดการนำเข้าและการเดินทางท่องเที่ยวไปต่างประเทศ โดยประเทศไทยได้รับผลกระทบมากเนื่องจากเศรษฐกิจไทยกว่า 60-70% ต้องพึ่งพาการส่งออกและท่องเที่ยว ด้านโรงงานคำสั่งซื้อหายตั้งแต่เดือนพ.ย.ปี 51 และเกือบเป็นศูนย์ในเดือน ม.ค.-เม.ย. 52 ขณะที่ปัจจัยภายในเกิดจากความวุนวายทางการเมืองทำให้ไทยในช่วงต้นปีจัดลำดับเป็นประเทศอันตรายลำดับ 8 ของโลก อย่างไรก็ตามจากข้อมูลเศรษฐกิจประเทศไทยผ่านจุดเลวร้ายไปแล้วในเดือนเม.ย.-พ.ค.ที่ผ่านมา ส่วนคำถามที่ว่าเศรษฐกิจไทยฟื้นแล้วยังอาจารย์พิจารณาจากดัชนีเศรษฐกิจเดือนก.ค. 52 ซึ่งเป็นเดือนล่าสุดที่มีข้อมูล ทั้งตัวเลขการใช้กำลังการผลิต การบริโภคภาคเองชน และการลงทุนพบว่ายังมีการลดลงเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน และติดลบในอัตราที่ชะลอตัวลงเมื่อเทียบกับเดือนก่อนๆหน้า แสดงให้เห็นว่าเศรษฐกิจไทยยังไม่ถึงก้นเหว ยังคงดิ่งลงอยู่แต่ลงในอัตราที่ช้าลง แต่ที่ดูเหมือนกับว่าเศรษฐกิจฟื้นแล้วเนื่องจากการบริโภคมีสัญญานดีขึ้น เนื่องจากภาครัฐกู้เงินมาสนับสนุนนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจ อาจารย์แสดงความวิตกว่าดัชนีเศรษฐกิจบางตัวแย่กว่าปี 2540 ขณะที่ดัชนีการนำเข้าเครื่องจักรวัตถุดิบติดลบมาโดยตลอด โดยเฉพาะเดือนล่าสุดก็ลบกว่า 21% อาจแสดงว่าภาคโรงงานอาจมีแผนลดการผลิตลงในอนาคต

สุดท้ายอาจารย์บรรยายถึงวิธีพิจาณาเหตุการณ์บ้านเมืองผ่านดวงดิถี (1 เดือนใช้ 4 ดวง) โดยแนะนำว่า(1) ให้ผูกดวงดิถีแล้วเพ่งเล็งไปที่ปัจจัยที่อยู่ใกล้ MC และ AS ของดวงดิถี (2) ดวงดิถีที่น่าพิจาณามากที่สุดคือดวงดิถีที่อยู่ก่อนและหลังดวงสงกรานต์ (3) ดวงดิถีมีโอกาสบอกเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นได้ทั้งก่อนหรือหลังเหตุการณ์สำคัญ ยกตัวอย่างเมื่อผูกดวงวันที่ 26 มี.ค.52 (New Moon) พบ MC กุม SA เล็ง MA ต่อมาก็เกิดกรณีจราจลของกลุ่มเสื้อแดง ส่วนอนาคตใกล้ๆลองผูกดวงดิถี วันที่ 26 Sep 09 (First Quarter) พบ SA กุม MC จึงน่าพิจาณาดูว่าจะมีเหตุการณ์ใดเกิดขึ้น

อาจารย์วิโรจน์ กรดนิยมชัย
บรรยายเรื่องภัยหวัด 2009 พิษเศรษฐกิจ และปัญหาการเมืองในประเทศไทย เริ่มต้นอาจารย์สันนิษฐานว่าไข้หวัดใหญ่ 2009 ที่เกิดขึ้นทั่วโลก น่าเกี่ยวข้องกับวงรอบ Saros ที่ 136 ซึ่งจะมีสุริยคราสทั้งสิ้น 72 ครั้ง เกิดขึ้นแต่ละครั้งกินเวลาประมาณ 18 ปี หลังจากนั้นได้ยกตัวอย่างโรคระบาดที่เคยเกิดขึ้นในอดีตพร้อมกับมุมดาวที่เกี่ยวข้อง อาทิ ปี 1918 เปิดไข้หวัดสเปน พบ JU/NE กุม PL ฉาก UR ถัดมาปี 1919 JU+NE-NO = MC[ไทย] จึงเริ่มระบาดมาที่ประเทศไทย ครั้งล่าสุด 2009 ที่เกิดขึ้นที่เม็กซิโก พบ JU/NE = NO ซึ่งหมายถึงการระบาดใหญ่ (NE คือการฟุ้งกระจายหรือการระบาด, JU คือการขยายตัวหรือมหาศาล) และยังพบ SA สัมพันธ์กับ MC[เม็กซิโก], AS[สหรัฐ], MC[แคนาดา] และ AS[ไทย]ย้ำว่าในปี 53 ยังพบโครงสร้าง JU + NE –MO = M[ไทย] แสดงว่าประเทศไทยยังเสี่ยงต่อการระบาดในปีหน้า เวลาพิจารณาแนะนำว่าเหตุการณ์จะเกิดขึ้นที่ไหนต้องดู MC และ AS ของประเทศนั้นๆควรสนิทองศาจากปัจจัยที่พิจารณา

ถัดมาอาจารย์บรรยายเรื่องพิษเศรษฐกิจ กล่าวว่าปี 52เป็นจุดเริ่มต้นของการเปลี่ยนแปลงระบบเศรษฐกิจของโลก (VE=15องศาราศีกุมภ์ตำแหน่งจุลทวาร, SU=พลูโต=มกร ราศีทวาร) ส่วนปี 53 เศรษฐกิจโลกยังไม่ดี (VE/PL =HA) สำหรับประเทศไทยการเปลี่ยนแปลงของเศรษฐกิจโลกทำให้ประเทศไทยดีขึ้นในปี 54 (VE/PL = [MC/VE]ไทย) อาจารย์ย้อยกลับไปปี 51 เมื่อจุดเริ่มเศรษฐกิจตกต่ำเกิดขึ้นที่สหรัฐ เมื่อพลูโตย้ายเข้ามกร เป็นผลเสียต่อสหรัฐ เนื่องจากวันก่อตั้งธ.กลางสหรัฐ (ตั้งเพื่อให้เงินกู้ประเทศอื่นใช้) และวันชาติสหรัฐอยู่ในราศีกรกฎ (ดาวอยู่กับใคร คนนั้นได้) ประเทศในราศีมกรที่ได้ประโยชน์ได้แอฟริกา และอินเดีย (ราศีมกรเปรียบเสมือนภาคใต้ แขก และคนดำ) ส่วนจีนอยู่ในราศีตุลย์ก็ได้ประโยชน์ในฐานะที่เป็นตัวกลาง แต่ปี 53 SA ย้ายเข้าราศีตุลย์ จีนจะเริ่มรับผลกระทบ

สุดท้ายก็บรรยายเรื่องการเมื่องโดยยกตัวอย่างเรื่องวงรอบและการเกิดขึ้นซ้ำของเหตุการณ์เชิงอุปมาอุปไมยว่าแต่ละวงรอบมีเหตุการณ์คล้ายกันแต่ไม่จำเป็นต้องเหมือนกัน ได้ยกตัวอย่างวงรอบ 30 ปีโดยเปรียบเทียบช่วง 6 ต.ค.ปี 19 หลังเกิดเหตุการณ์ 14 ตุลา ต่อมาวันที่ 8 ต.ค. 19 เกิดการปฏิวัติและคุณธานินท์ กรัยวิเชียรขึ้นเป็นนายกฯ หลังสิ้นสุดตำแหน่งก็ได้รับการโปรดเกล้าให้เป็นองคมนตรี ขณะที่ปฏิวัติ 19 ก.ย. 49 ก็ได้พล.อ.สุรยุทธ์ จุลานนท์ซึ่งเป็นองคมนตรีมารับตำแหน่งเป็นนายก อาจารย์ตั้งข้อสังเกตว่าถัดมาปี 2524 ช่วงขุดแก๊สในอ่าวไทยครั้งแรกการลงทุนเพิ่มตามมา ปี2554 การลงทุนในประเทศไทยก็น่าจะเพิ่มขึ้น สรุปท้ายว่าปี 53 ตลาดหุ้นกับทองคำยังเป็นฟองสบู่ยังคงต้องระมัดระวัง

เรื่องสุดท้ายอาจารย์บรรยายถึงปัญหาการเมืองไทย โดยใช้ดวงชะตาคุณอภิสิทธ์เป็นหลักพบว่า (1) วันที่ 17 ธ.ค. 51 คุณอภิสิทธ์ได้รับโปรดเกล้าแต่งตั้งเป็นนายกฯ พบโครงสร้าง SU + KR – VE ซึ่งเป็นจุดโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมสัมพันธ์กับ Mr (SU + KR หมายถึงกษัตริย์, VE หมายถึงคน) แสดงว่าหลัง 17ธ.ค. 51 คุณอภิสิทธิ์เป็นนายกฯ (ตราบที่ยังไม่มีโครงสร้างร้ายแรงลบล้างโครงสร้างนี้?) (2) ต่อมาดวงสงกรานต์ 21 ธ.ค. 51 พบ MC = ZE = [MC/MO]อภิสิทธิ์ แสดงว่าอภิสิทธิ์ยังเป็นนายกฯในปี 52 เพราะ ZE หมายถึงความสามารถในการบังคับบัญชา ไม่ได้หมายถึงการเผาไหม้แต่อย่างใด (3) ดวงสงกรานต์ 22 ธ.ค. 52 พบว่า MC/KR = MCr แสดงว่าคุณอภิสิทธิ์ยังเป็นนายกในปี 53 (4) เกี่ยวกับอนาคตอันใกล้ ลองผูกดวง 19 ก.ย. 52 (New Moon) เทียบดวงคุณอภิสิทธ์ที่วิตกว่ามี SA, SU, MO, VE กุมกับ SUv แต่ SUv จะหมายถึงคนที่เกิดวันเดียวกับคุณอภิสิทธ์ไม่ใช่คุณอภิสิทธิ์ เนื่องจากคุณอภิสิทธ์มีเสาร์สันโดด เกิดต่างประเทศ และใช้ชีวิตส่วนใหญ่อยู่เมืองนอก จึงใช้เสาร์อยู่ตลอดเวลาอยู่แล้ว และในช่วงเวลาดังกล่าวคุณอภิสิทธ์ไปยูเอ็นไม่ได้อยู่ในไทย ส่วนโครงสร้าง MA/UR ที่เล็ง [ASสะท้อนและMC]อภิสิทธ์ อาจหมายถึงพ่อแม่ ถ้าคุณอภิสิทธ์ไม่ได้ไปหาหมอให้เจาะเลือดก็อาจหมายถึงพ่อ-แม่คุณอภิสิทธิ์ป่วย ในโครงสร้างดวงคุณอภิสิทธิ์ยังพบว่า MEr+SAr-NEr = SUr อาจต้องมีการเดินทางทั้งชีวิต และในช่วงดังกล่าว SAt ที่แปลว่าไกลอยู่เรือนที่ 3 แสดงว่าอาจมีการติดต่อสื่อสารทางไกลผ่าน Video Conference มาประเทศไทย

อาจารย์กล่าวทิ้งท้ายว่า ที่บางท่านเกรงว่าวันที่ 19 ก.ย. 52 อาจมีเหตุการณ์ปฏิวัติเหมือนที่เกิดเมื่อ 19 ก.ย. 49 นั้น โดยหลักการแล้ว (1) ไม่มีทฤษฎีใดๆกล่าวถึงวงรอบ 3 ปี (2) ดวง NEW MOON ไม่มีโครงสร้างปัจจัยที่แสดงเหตุการณ์รุนแรง ซี่งที่จริงดวงสงกรานต์ 21 ธ.ค. 51 ก็ได้ยืนยันแล้วว่าผู้นำสามารถจัดการได้ (3) ขอให้นอนหลับฝันดีทุกคน

อาจารย์อดิเทพ ศรีรัตนไพฑูรย์
บรรยายเรื่องข้อสังเกตเกี่ยวกับภัยพิบัติ โดย (1) ตั้งข้อสังเกตว่าในดวงเมืองของกรุงเทพฯ (21 เม.ย. 2325 เวลา 6:54 น.) พบโครงสร้าง MA/NE ตั้งฉาก HA แสดงว่าประเทศไทยมีโอกาสเกิดน้ำท่วมหรือโรคระบาด (2) หาช่วงเวลาที่จะเกิดเหตุการณ์ เริ่มจากหาผลต่างโครงสร้าง MA+NE-HA (38องศา50ลิบดา) และ NO ที่เป็นจุดติดต่อของโรค (16องศา8ลิบดา) ได้ผลต่างเท่ากับ 22องศา40ลิบดา ดังนั้นจะเกิดเหตุการณ์ในปีที่โค้งเป็นจำนวนเท่าของผลต่าง ทดลองเอา 10 คูณผลต่างได้ค่าโค้งเท่ากับ 224 องศา ตรงกับโค้งของดวงทินวรรษปีนี้ และเชื่อว่าเหตุการณ์อาจรุนแรงในปี 54 เนื่องจากพบโครงสร้าง NE/VU=ASr (น้ำท่วม), NE/HA =MA+NE-HA =SUr (โรคติดเชื้อ) และ SA+NE =ARr (โรคระบาด)
ข้างล่างนี้เป็นงานวิเคราะห์ที่ผมทำไว้ครับ

ลองศึกษากันดูนะครับ

น้ำจะท่วมกทม.หรือจังหวัดใกล้เคียง และจะเกิดโรคระบาดในปี พ.ศ.2555(ค.ศ.2012) หรือเปล่า
จากดวงกทม. พบว่า
MA/NE = HA = 90
หรือเขียนใหม่เป็น MA+NE-HA = HA
MA+NE-HA (โรคระบาด) มีตำแหน่งอยู่ที่ 38 องศา 50 ลิปดา จากจุดเมษ
NO (การติดต่อ) มีตำแหน่งอยู่ที่ 16 องศา 08 ลิปดา จากจุดเมษ
ทั้งสองตำแหน่งมีผลต่างเท่ากับ 22 องศา 40 ลิปดา
ค่าโค้งปัจจุบัน(ทินวรรษพ.ศ.2552) ของกทม.เท่ากับ 221:04
เอา10 คูณ 22:40 ได้ 224:00
นำค่า 224 ไปป้อนในช่องของค่าโค้ง จะตรงกับวันที่ 7 มีนาคม 2555
จากนั้น ให้ตั้งดวงทินวรรษ 2555
ข้อมูลบางส่วนจากดวงทินวรรษ พ.ศ.2555
1) (-NE) t = SUt/MOt = 0
2) [NE/VU] t = [NE/VU] v2 = ASr = 0
3) [MA+NE-HA] t = [MA+NE-HA] r = 0 error2 องศา 20 ลิปดา
4) [MO+HA-AD] t = [MO+HA-AD] r = 0 การถึงแก่กรรมของประชาชนเพราะโรคระบาด
= ADv1 = 90
= (-MOr) = 180

5) [MA+NE-NO] t = [MA+NE-NO] r = 0 แปลว่าการติดต่อของโรค
= [SU/HA] t = 180
= [AR/MO] r = 180
= [SU/UR] r = 180
= NOr = 135

6) [UR/NE]t = MCv1 = 180 = (-MC) t = 0
[UR+NE-MC] t = [UR+NE-MC] r = 180
= (-SUr) = 180 = [SA+NE-HA] r = 90
= (-MOr) = 90
แปลรวมว่า “เกิดวิกฤติในกทม. = โรคระบาดในหมู่ประชาชน”

7) [MA+SA-MC] t = [MA+SA-MC] v1 = 90 = MCv1 = 0

8) [SA/NE] t = HAt = AR

ดวงอมาวสี 22/3/2555

1) [MA+NE-HA] t = [MA+NE-HA] r = 0 error 3 ลิปดา
2) [NE/HA] t = SUr = 0 error 11ลิปดา
3) [NE/VU] t = [NE/VU] v2 = 0 error 1 องศา 6 ลิปดา
= ASr = 0 error 44 ลิปดา
4) [SA/NE]t = HAt = 180
= ASr = 135
= SAv1 = 135
= เมษ = 90
5) ที่จุดอมาวสี = [ME/UR]t = 0
= [MA/SA]t = 180
= [MC/AS]t = 180

หากตั้งดวง เหมายัน 21/12/2555 พบว่า
1) [NE/VU] t = [NE/VU] v2 = ASr = 0
= MCt = 45

2) SUr = [NE/HA] t = 0 error 13ลิปดา
= [UR/AD] t = 0 error 13 ลิปดา
= APt = 180 = error 1 องศา 12 ลิปดา

ยังมีโครงสร้างสำคัญของ SUr ที่แสดงผลในช่วงเวลาเดียวกันด้วยกล่าวคือ
จากดวงกำเนิดของกทม.
SUr = [NE+VU-AD] r = 135
30:58 254:58
ทั้งสองมีผลต่างเท่ากับ 224 ด้วยเช่นกัน
NE+VU-AD แปลว่า “การเปลี่ยนแปลงอย่างมโหฬารของสภาพความเป็นอยู่”
โครงสร้างนี้ บ่งบอกล่วงหน้า มาตั้งแต่ เหมายัน 22/12/2554
[NE+VU-AD] t = [NE+VU-AD]r = 135
= [NE+VU-AD] v1 = 90
อีกโครงสร้างหนึ่งที่ต้องกล่าวถึงคือ
UR+ZE-HA แปลว่า “กำลังที่ทำให้เกิดการทำลาย เนื่องจากอำนาจธรรมชาติ”
ในหนังสือพระเคราะห์สนธิเขียนไว้ว่า เป็นพายุฝนฟ้าคะนอง แผ่นดินไหวในทะเล ซึ่ง
UR+ZE-HA = NO = 135
= PO = 135
= AR/MO= 180
= SU/SA = 90
อมาวสี 5/3/2554
1) SUt.MOt = SUv1 = 90
2) [UR+ZE-HA] t = [UR+ZE-HA] v1 = 0
3) [NE/VU] t = [NE/VU] v1 = 90 = URv1
= SolarDay = 90
อมาวสี 3/4/2554
PLt = [MA/SA] t = 0
= [UR/ZE] t = [UR/ZE] v2 = 90
= [SU.MO] t/ [MA.UR] t = 90

SUt.MOt = SAt.ZEt = 180
= MCt = ASt = 135
= [UR+ZE-HA] t = [UR+ZE-HA] v1 = 90
= ADr = 90
ทินวรรษ 2554
[UR+ZE-HA] t = [UR+ZE-HA] r = 135

และในช่วง เหมายัน 22/12/2554
[UR+ZE-HA] t = [UR+ZE-HA] v1 = 0

-----------------------------------------------------------------------------------------------------

ยังมีโครงสร้างอื่นๆอีกมาก ที่อาจทำให้การแปลความหมาย จะต้องแปลไปในอีกทิศทางหนึ่ง
แต่ไม่สามารถ เขียนบอกกันในที่นี้ได้ครับ
คงตั้งเป็นประเด็นเรื่องน้ำท่วมและโรคระบาดไว้ก่อน

ข้อสังเกตุอีกประการหนึ่ง "ในขณะนี้วงการแพทย์กำลังทดลองยาต้านไวรัสเอดส์ในมนุษย์"

ผู้แสดงความคิดเห็น อดิเทพ ศรีรัตนไพฑูรย์ วันที่ตอบ 2009-09-20 04:32:58 IP : 58.10.90.23

ความเห็นที่ 6 (1986244)
เพื่อให้ สมบูรณ์มากขึ้น ผมขอรบกวนช่วยเพิ่มคำแปล ตัวสีแดง ต่อท้าย

อีกโครงสร้างหนึ่งที่ต้องกล่าวถึงคือ
UR+ZE-HA แปลว่า “กำลังที่ทำให้เกิดการทำลาย เนื่องจากอำนาจธรรมชาติ” ในหนังสือพระเคราะห์สนธิเขียนไว้ว่า เป็นพายุฝนฟ้าคะนอง แผ่นดินไหวในทะเล ซึ่ง
UR+ZE-HA = NO = 135 แนวเขต
= PO = 135 king of an ocean
= AR/MO= 180
= SU/SA = 90
แปลรวมว่า "การอพยพประชาชนตามแนวชายฝั่ง" สาเหตุจาก UR+ZE-HA
ขอขอบคุณเป็นอย่างสูงอีกครั้งครับ

ผู้แสดงความคิดเห็น อดิเทพ ศรีรัตนไพฑูรย์ วันที่ตอบ 2009-09-21 10:55:28 IP : 58.10.90.253



อาจารย์หนุ่ม พยากรณ์
สาธิตโปรแกรม Uranus เริ่มจากการอธิบายปรัชญาที่อยู่เบื้องหลังการจัดทำโปรแกรม ประกอบด้วย (1) เบื้องบนเป็นเช่นใดเบื้องล่างไซร้เป็นเช่นนั้น = โปรแกรมต้องสามารถจับคู่โครงสร้างดาวเข้ารูปที่ปรากฏบนฟ้าขณะนั้นเข้ากับโครงสร้างดาวเข้ารูปที่ปรากฏบนพื้นดวงชะตา (Same-As Planetary Picture) (2) อนาคต ปัจจุบัน เฉกเช่นกันกับอดีต หรืออีกนัยหนึ่งอดีต ปัจจุบัน และอนาคตเหมือนกันโดยอุปมาอุปไมย = โปรแกรมต้องสามารถคำนวณวงรอบด้วยวิธีต่างๆทั้งครึ่งโค้ง, โค้ง, สองเท่าโค้ง เป็นต้น (3) จำเป็นและพอเพียงเป็นข้อพึงพินิจ = สูตรดาวมีกว่า 5 พันสูตร ทำอย่างไรจึงสามารถดึงสูตรเฉพาะที่เกี่ยวข้องและจำเป็นต้องใช้ออกมา โปรแกรมจึงมีความฉลาดในการพิจาณาความสัมพันธ์ของปัจจัย ด้วยการอ่านสมการจากการตั้งปัจจัยเป็นแขนดาวมาเปรียบเทียบกับโครงสร้างสมการในสารานุกรมพระเคราะห์สนธิ และสามารถดึงเอาเฉพาะโครงสร้างที่เกิดขึ้น ณ วัย และเวลาขณะนั้น (4) ดาวทำมุมต้องคิด ดาวมีสิทธิไม่ทำงาน = เป็นเรื่องของการครบวงจร จากแนวคิดที่ว่าโครงสร้างใดจะทำงาน ต้องสัมพันธ์และคล้องจองกันทั้งดวงเดิมและดวงจร อาทิเช่น เป็นความสัมพันธ์สลับ (Reciprocal) เช่นพฤหัสจรถึงเสาร์เดิม เสาร์จรต้องถึงพฤหัสเดิมด้วย, ความสัมพันธ์ Same-AS เช่น ปัจจัยใดๆที่แขนถึงแกนในดวงจร ต้องปรากฏปัจจัยนั้นมีแขนถึงแกนในดวงเดิมด้วย หรือแทนด้วยสมการ t A+B-C = r A+B-C, t A+B-C = v A/B//C เป็นต้น

จากนั้นอธิบายถึงเครื่องมือใหม่ๆที่อยู่ระหว่างการทำวิจัย ได้แก่ (1) โค้งจันทรยาตร์ (จันทรคติ) จจย.จค (V6) กำหนดให้ 1 วันจันทร์จรเท่ากับ 1 เดือนจันทรคติ (27.5 วัน) ซึ่งเป็นคนละตัวกับโค้งจันทรยาตร์ (สุริยคติ) จจย.สค (V3) ที่กำหนดให้ 1 วันจันทร์จรเท่ากับ 1 เดือนสุริยคติเหมือนตำราทั่วๆไป (2) Minor Meridian Progress (pMC or Mp) กำหนดให้ 1 วันเท่ากับ 361 องศา (3) โค้งเมอริเดียนหรือ Meridian Direction (pMC or Mp) V8 (4) ดาวเด่น หรือ Aspect Dominance ใช้ปัจจัยทำมุมกับจุดเจ้าชะตาสำคัญถ่วงน้ำหนักจากระยะคลาดเคลื่อน (วังกะ) ต่างกับวิธีของอาจารย์ประยูรที่มีการพิจาณาปัจจัยใน 1-4-7-10 ของเรือนชะตาเมอริเดียน

แนวโน้มเทคโนโลยีที่จะเห็นมากขึ้นได้แก่ ผ่านเว็ป, มีลูกเล่น, GUI เช่นหน้าจอ Touch Screen และใช้เป็น E-Learning ได้

Uranus Roadmap หรือแผนการพัฒนาโปรแกรมในอนาคตที่คิดจะทำประกอบด้วย (1) จานคำนวณ 2 ชั้นเพื่อรำลึกถึงอาจารย์จรัญ (2) Harmonics Dial ในทุกมุม (3) Uranian House (4) Classical Wheel (5) Graphical Ephemeris (6) Synastry Analysis (7) Report Generator (8) Atlas, Daylight Saving Time (9) Intelligence Close Circuit (10) GUI

New Feature สำหรับรุ่นปัจจุบัน (2.2.48) ประกอบด้วย (1) ! หมายถึงเกิดโครงสร้าง Reciprocal (2)!! หมายถึงเกิดโครงสร้าง Same-As Planetary Picture (3) | หมายถึง Planetary Picture

คุณสมัคร บัวชู (อธิ อัฐกาล)
สาธิตโปรแกรม Aries ที่พัฒนาขึ้นเพื่อให้ใช้งานง่ายเหมาะสำหรับนักโหราศาสตร์ยูเรเนียนที่ต้องการลดเวลาในการพิจาณาปัจจัย เช่นหมอดู 1900 และใช้ในการค้นคว้าวิจัย จุดเด่นของประแกรมประกอบด้วย (1) สามารถกำหนดพจนานุกรมสูตรพระเคราะห์สนธิได้จากหลายตำราทั้งภาษาไทยและอังกฤษ ช่วยในการค้นคว้าถึงที่มาสูตรพระเคราะห์สนธิต่างๆ (2) แสดงโครงสร้างสูตรพระเคราะห์สนธิที่ให้ผลดี/ร้าย หนัก/เบาด้วยสี ช่วยลดเวลาพิจารณาปัจจัย (3) หน้าจอที่แสดง Dial Wheel สามารถแสดงเฉพาะโครงสร้างสูตรที่สำคัญที่กำลังพิจารณาอยู่ (4) Dial Wheel มีขนาดใหญ่ และเส้นกริดแสดงมุมสัมพันธ์ชัดเจนอ่านได้ง่าย (5) พูดได้ ในการบรรยายคุณสมัครลองผูกดวงเด็กแฝดที่เกิดห่างกัน 10 นาที แต่มีคนหนึ่งเสียชีวิตแล้ว โปรแกรมสามารถแยกโครงสร้างดี/ร้ายด้วยสีทำให้สามารถเห็นความแตกต่างของสองดวงชะตาได้อย่างชัดเจนและรวดเร็ว

ดร.วินัย อวยพรประเสริฐ
บรรยายเรื่องความสำคัญของสมผุสดาวที่ถูกต้อง เริ่มจากกล่าวถึงมูลเหตุจูงใจในการค้นหาวิธีคำนวณสมผุสดาวให้ถูกต้องและคลาดเคลื่อนน้อยที่สุดว่าเกิดจากความต้องการทางด้านปฏิบัติการพยากรณ์และด้านทฤษฏีการพยากรณ์ที่ต้องการความเที่ยงตรง ได้แก่

• การปรับแก้เวลาเกิดรายนาที [โดยเฉพาะเมื่อใช้กับความหมายประจำองศา อาทิ การใช้ Sabian Symbol]
• การปรับแก้ Vernal Equinox สำหรับพยากรณ์จรปัจจุบัน เนื่องจาก จุดวสันตวิษุวัตรหรือจุด Vernal Equinox มีการโคจรย้อนจักรปีละ 50.25ฟิลิบดา” หรือ 70 ปีต่อ 1 องศา ทำให้อ้างอิงตำแหน่งดาวไม่คงที่ [จุดเมษในดวงชะตาเดิมและดวงชะตาจรไม่ตรงกัน]
• การปรับแก้โดยโค้งสุริยยาตร์ เนื่องจาก 1 องศาจะเท่ากับ 1 ปี ดังนั้นหากตำแหน่งของปัจจัยที่พิจารณาคลาดเคลื่อนไป 5ลิบดา การเกิดขึ้นของเหตุการณ์จะคาดเคลื่อนได้เป็นเดือน หรือ 10 ฟิลิบดาต่อวัน อาจารย์ตั้งข้อสังเกตุว่าลูกค้าบางรายหากทายผิดไป 10 วันก็หาว่าไม่แม่นแล้ว
• ทฤษฏีพรมแดนสัมบูรณ์และระยะวังกะ 1 ลิบดา [แต่ละราศีและองศาต่างมีเขตแดนที่สมบูรณ์ ณ จุดสิ้นสุดแต่ละราศี หากเลยเพียง 1 ลิบดาก็ถือว่าย้ายราศี และความหมายเปลี่ยน โดยเฉพาะถ้าใช้ความหมายประจำองศา ปัจจัยคลาดเคลื่อนไป 1 ลิบดาก็เปลี่ยนความหมายแล้ว]
• ทฤษฏีระยะวังกะมุมสัมพันธ์ ง่ามมุมระหว่าง 2 ปัจจัยมีความหมายเฉพาะ [สามารถนำมาพยากรณ์ได้โดยใช้ความหมายประจำองศา]
• ทฤษฏีโหราศาสตร์ยุคใหม่ เช่น Parallax [การคลาดเคลื่อนของตำแหน่งดาวที่ปรากฏ เนื่องมาจากการเปลี่ยนตำแหน่งสังเกตการณ์บนโลกเมื่อเทียบกับตำแหน่งอาทิตย์]

อาจารย์เสริมว่าการเลือกสูตรดาวและที่มาตำแหน่งดาวจะพิจารณาจาก
• ความจำเป็นของทฤษฏีที่ใช้ [ทฤษฏีเก่าอาจไม่ต้องการความแม่นยำมาก แต่ทฤษฏีใหม่อาจต้องการ]
• ความแม่นยำของการกำหนดเวลาเกิดเหตุ ในระดับ ยุค/ปี/เดือน/วัน/ชั่วโมง/นาที/วินาที
• ที่มาของตำแหน่งดาว มีทั้งจากปฏิทินดาวและซอฟท์แวร์ [ซึ่งมีความแม่นยำต่างกัน]
• ความคลาดเคลื่อนของระบบ [เช่นหากต้องลงดวงชะตาด้วยมือ ซึ่งมีความคลาดเคลื่อนสูงอยู่แล้ว สูตรที่ใช้ก็ไม่ต้องการความยำมาก]

จากการทำวิจัย อาจารย์พบว่าตำแหน่งดาวที่แม่นยำที่สุดจะมาจากปฏิทินดาว The American Ephemeris ของ Neil F. Michelsen ขณะที่สูตรคำนวณตำแหน่งดาวที่ให้ความแม่นยำสูงเป็นสูตรของ Bretagnon/Simon และสูตรที่ใช้คำนวณดวงจันทร์เป็นของ Chapront ทำให้ปัจจุบันโปรแกรม PlaPlace [ที่พัฒนาโดยอาจารย์] มีความคลาดเคลื่อนน้อยกว่า 10 ฟิลิบดา

หมายเหตุ: เนื่องจากเวลาค่อนข้างจำกัดแต่มีประเด็นที่น่าสนใจ ข้อความใน [] จึงเป็นการขยายความของผู้สรุป

คุณพงษ์พันธ์ วงศ์หนองเตย (Pallas)
มาบรรยายเรื่องการกลับมาของเศรษฐกิจตกต่ำครั้งใหญ่ โดยใช้ดวงดิถีประกอบตัวอย่างการบรรยาย โดยเริ่มจากให้คำจำกัดความของเศรษฐกิจตกต่ำ (Depression) ว่าคือภาวะเศรษฐกิจถดถอยที่เกิดเวลานานหลายปีและส่งผลกระทบไปหลายประเทศ จากนั้นได้บรรยายถึงภาวะเศรษฐกิจตกต่ำครั้งใหญ่ในช่วง 1930s ว่าเริ่มจากภาวะเศรษฐกิจถดถอยอย่างรุนแรงในสหรัฐ และซ้ำเติมด้วยนโยบายการเงินการคลังที่ตึงตัว หลังจากที่ UR (ดาวแห่งความพลิกผัน ตื่นตระหนก และความตรึงเครียด) จรเข้าราศีเมษและ กุม HA (ดาวแห่งทุกขเวทนาและความขนาดแคลน) ในปี 1928 และกุม AD (ดาวแห่งการหยุดชะงัก)ในปี 1929 และตามด้วยโครงสร้าง T-Square ของ SA, UR, PL ในจรราศีในปี 1930 หลังจากนั้นเศรษฐกิจถึงจุดต่ำสุดในปี 1932 เมื่อโครงสร้างวิกฤตคลายตัวลง และกลับมาขยายตัวอีกครั้งเมื่อรัฐและธนาคารกลางประเทศต่างๆเปลี่ยนนโยบายมาเป็นแบบคลายตัวและอัดฉีดเม็ดเงินเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ หลังจากที่ JU (ดาวแห่งเศรษฐกิจและการขยายตัว) เข้ากุม NE (ดาวแห่งความฟุ้งเฟ้อ) และ AP (ดาวแห่งการค้า) จากนั้นก็บรรยายถึงภาวะเศรษฐกิจตกต่ำในรอบนี้ เริ่มต้นจากฟองสบู่อสังหาริมทรัพย์ในสหรัฐแตก หลังโครงสร้าง T-Square ของ SA, NE, AD ทำงาน ทำให้เกิดการตื่นตระหนกในตลาดการเงิน เมื่อ SA เล็ง UR ในปี 2008 จากนั้นรัฐบาลในหลายประเทศก็อัดฉีดเงินเข้าสู่ระบบ (JU กุม NE แลกราศีกับ UR) ทำให้ดูเหมือนเศรษฐกิจฟื้นแล้ว แต่ปัจจัยทางโหราศาสตร์ได้บ่งชี้ว่าจุดต่ำสุดที่แท้จริงน่าอยู่ใน ปี 2010 เพราะเป็นช่วงที่โครงสร้าง Grand Cross ของ MA, SA, PL, JU, UR, HA เริ่มก่อรูปที่จุดทวาร ซึ่งจะเข้าสู่จุดวิกฤตในช่วงวันที่ 31 ก.ค. 2010 เมื่อ MA ดาวแห่งกิจกรรมและความไม่สงบ ข้ามากุม SA ที่จุดตุล ร่วมด้วย MO ที่เข้ากุมจุดเมษ ในช่วง 1-2 เดือนนั้นโลกคงเจอกับวิกฤติการณ์สำคัญทั้งทางเมือง เศรษฐกิจและสังคม ส่วนการคลี่คลายของเหตุการณ์น่าจะเกิดขึ้นในช่วงไตรมาสที่ 4 ปี 2010 เมื่อ SA จรออกจากตรียางค์แรกของบราศีตุลย์ ตามด้วย JU จรออกจากแกนวิกฤตินี้ในช่วงไตรมาสที่ 2 ปี 2011 อย่างไรก็ตามอาจมีเหตุการณ์ไม่คาดฝันเกิดขึ้นในปี 2012-2015 เมื่อ UR และ PL ซึ่งหมายถึงการปฏิรูปหรือการเปลี่ยนแปลงอย่างปุปปับฉับพลัน จะทำมุมฉากต่อกันถึง 7 ครั้งตั้งแต่ 24 มิถุนายน 2012 ถึง 17 มีนาคม 2015 โดยเฉพาะต้นปี 2015 เกิดโครงสร้าง T-Square ของ UR, PL, NO โดยมี MA และ VE กุม UR และทำมุม 45 องศากับ AD ซึ่งอาจบ่งบอกถึงวิกฤตในตลาดหุ้น

สุดท้ายผู้บรรยายกล่าวสรุปว่าวิกฤตเศรษฐกิจในปัจจุบันไม่อาจเรียกได้ว่าเป็นการกลับมาของเศรษฐกิจถดถอยครั้งใหญ่ แม้จะมีความคล้ายคลึงกันหลายประการแต่ก็มีความต่างกัน และความแตกต่างที่สำคัญในเชิงโหราศาสตร์ คือช่วงวิกฤตเศรษฐกิจ 1930s มีโครงสร้างวิกฤตหลายโครงสร้างเกิดขึ้นต่อเนื่องกัน ขณะที่วิกฤตเศรษฐกิจปัจจุบันมีช่วงผ่อนคลายที่ JU เข้ากุม NE ถึง 3 ครั้งในปี 2009

ปิดท้ายด้วยดร.จรัสโรจน์ บถดำริห์ทายาทของอาจารย์จรัญก็ขึ้นมากล่าวปิดงาน และเชิญอาจารย์อารี สวัสดี ให้เกรียติเพื่อแจกใบประกาศเกีรติคุณให้กับวิทยากรทุกท่านที่ยังคงอยู่กันพร้อมหน้าพร้อมตาตั้งแต่ช่วงเช้า ลำดับต่อมาถ่ายรูปร่วมกันกับสมาชิกผู้มาร่วมงานซึ่งเป็นประเพณีหรือธรรมเนียมของชมรมSkyclock เป็นที่ระลึกทุกครั้งที่จัดงานเป็นอันสิ้นสุดของงานสัมมนาที่จบลงไปได้โดยสะดวกราบรื่น แล้วพบกันใหม่ในปีหน้านะครับทุกท่าน

หมายเหตุ: หากมีการตกหล่นประเด็นที่สำคัญ หรือเกิดความผิดพลาดในการสรุปเนื้อหา อันเกิดจากความเข้าใจผิดของผู้สรุป ผู้สรุปก็ต้องขออภัยวิทยากรทุกๆท่านไว้ ณ ที่นี้ด้วยนะครับ

ด้วยความเคารพในศาสตร์แห่งการพยากรณ์
อุชุจาโร
15 กันยายน 2552 เวลา 20:32 น.


หมายเหตุ: เพื่อสะดวกต่อการทำความเข้าใจบทสรุป ผู้สรุปจะใช้สัญลักษณ์แทนความหมายปัจจัยต่างๆที่วิทยากรแต่ละท่านอ้างอิงถึง ดังต่อไปนี้

สัญลักษณ์ ความหมาย สัญลักษณ์ ความหมาย สัญลักษณ์ ความหมาย
AR จุดเมษ MA อังคาร CU คิวปิโด
AS ลัคนา JU พฤหัส HA ฮาเดส
MC เมอริเดียน SA เสาร์ ZE เซอุส
SU อาทิตย์ UR มฤตยู KR โครโนส
MO จันทร์ NE เนปจูน AP อพอลลอน
NO ราหู PL พลูโต AD แอดเมตอส
ME พุธ CH ไคร่อน VU วัลคานุส
VE ศุกร์ PO โพไซดอน

สัญลักษณ์ต่อท้าย ความหมาย
r ปัจจัยเดิม
t ปัจจัยจรประจำวัน
v ปัจจัยจรสุริยยาตร์

วันพฤหัสบดีที่ 27 สิงหาคม พ.ศ. 2552

โหราศาสตร์การแพทย์ ในแนวสากล(Geocentric System)

โหราศาสตร์การแพทย์(Medical Astrology)
ในชีวิตมนุษย์นอกจากวุ่นวายในการทำมาหากินเลี้ยงชีพ ชีวิตมักจะต้องการผลักดันตนเองให้สูงขึ้นตามมาสโลว์ว่า
ความต้องการของคน มี5 ขั้น
ขั้นที่ 1 ความต้องการทางกาย (Physiological Needs) คือความต้องการปัจจัยพื้นฐานในการดำรงชีวิต หรือปัจจัย4
ขั้นที่ 2 ความต้องการความ มั่นคงปลอดภัย (Safety and Security Needs) คือความต้องการที่จะมีชีวิต
ที่มั่นคง ปลอดภัย ขั้นนี้พอมีเงินมีทอง ก็ต้องการรักษาทรัพย์สินและชีวิต ดังนั้นจะต้องหาทางที่จะดำรงค์ชีวิตให้ดีที่สุดก็คือ
รักษาตนเองให้ดีที่สุด ไม่ให้ใครมาปล้น ไม่ให้มีการไฟไหม้ และรักษาสุขภาพตนเองให้ดีที่สุด
ขั้นที่ 3 ความต้องการความรักและการเป็นที่ยอมรับของกลุ่ม (Love and Belonging Needs) มนุษย์เมื่อเข้า
ไปอยู่ในกลุ่มใดก็ต้องการให้ตนเป็นที่รักและยอมรับในกลุ่มที่ตนอยู่ ช่วงนี้จะเข้าสังคมเพื่อใก้คนรู้จัก เริ่มบริจาคสิ่งของเข้าสมาคม
ขั้นที่ 4 ความต้องการได้ รับการยกย่องจากผู้อื่น (Self -Esteem Needs) เป็นความต้องการในลำดับต่อมา ซึ่งความต้องการในชั้นนี้ถ้าได้รับจะก่อให้เกิดความภาคภูมิใจใจตนเอง
ขึ้นที่ 5 ความต้องการในการเข้าใจและรู้จักตนเอง (Self-Actualization Needs) เป็นความต้องการชั้นสูง
ของมนุษย์
ความรู้ในวิชาโหราศาสตร์การแพทย์จะนำมาเพื่อทราบในขั้นที่1และ2
เบื้องต้น ในโหราศาสตร์การแพทย์ จจะต้องรู้จักความหมายของราศี(Zodiac and Sign) ธาตุ(Element) คุณะ(Quality)
ดาวและระยะเชิงมุม(Aspectarian)
ธาตุ(Element)กับสรีระในโหราศาสตร์การแพทย์แบ่งออกเป็น4 ธาตุคือ
1.ธาตุไฟ ลักษณะร้อน แห้ง ควบคุมร่างกายส่วนที่เป็น
1.1หัว 1.2หัวใจ 1.3 ตะโพก
2.ธาตุดิน ลักษณะแห้ง เย็น ควบคุมร่างกายส่วนที่เป็น
2.1กระดูก 2.2 คอ 2.3 ท้อง
3.ธาตุน้ำ ลักษณะเปียกและหนาวเย็น ควบคุมร่างกาย ส่วนที่เป็น
3.1กระเพาะ 3.2 ปัสสาวะและส่วนขับถ่าย 3.3 เท้า
4.ธาตุลมลักษณะ อุ่น ชื้น ควบคุมส่วนร่างกายที่เป็น
4.1ไต 4.2 หน้าแข้ง 4.3 ปอด

ดาว(Planet)กับส่วนต่างๆในร่างกาย
สมองและระบบประสาทควบคุมโดยพุธและดาวมฤตยู
การหายใจควบคุมโดยพุธ
หัวใจ ควบคุมโดยอาทิตย์
เส้นเลือดแดงที่นำเลือดแดงออกจากหัวใจ
เส้นเลือดดำควบคุมโดยเสาร์
ไต ควบคุมโดยศุกร์
ตับ ควบคุมโดยพฤหัส
ระบบการย่อยอาหารควบคุมโดยศุกร์
กล้ามเนื้อควบคุมโดยอังคาร
การสืบพันธ์ควบคุมโดยศุกร์กับอังคาร
เกี่ยวกับต่อมไร้ท่อ ควบคุมโดยเนปจูนและมฤตยู
วิธีที่ใช้ในการทดสอบ ควบคุมโดยพลูโต
เซลล์รังไข่ควบคุมโดยจันทร์
ผิวหนังควบคุมโดยเสาร์
เล็บเท้าควบคุมโดยอังคาร
กระดูกและโครงกระดูกควบคุมโดยเสาร์

ภพในเรือนชะตา(House)
ภพหลักในการตรวจดวงชะตาคือเรือนมุม(The Cardinal Angles)
ภพที่1 หรือลัคนา นายแพทย์ผู้รักษา
ภพที่7คืออาการและลักษณะของโรค
ภพที่10คือคนไข้
ภพที่4คือยารักษาหรือการรักษา
ภพที่12คือการรักษาในโรงพยาบาล การนอนป่วย
ภพที่11คือการออกจากโรงพยาบาล
ภพที่ 6 คือการพยาบาล การรักษาผิดพลาด การฟื้นไข้หรือทรุด
ภพที่8คือการผ่าตัด
หากมีคนสนใจมากๆ จะทะยอยลงบทความเกี่ยวกับโหราศาสตร์การแพทย์และcase study ต่อไป

งานสัมมนาเชิงวิชาการโหราศาสตร์ วันโหรจรัญ 2009

ชมรมSkyclockโหราศาสตร์สากล-ยูเรเนียน จานคำนวณสองชั้น
ชื่องาน: วันโหรจรัญ
หัวข้อสัมมนา : เศรษฐกิจและโรคภัยไทย ปี2553
วันจัดงาน : วันอาทิตย์ที่ 13 กันยายน 2552 ตั้งแต่เวลา 8.30 -17.30 น.
สถานที่ ห้อง 604 อาคารวิทยบริการ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ บางเขน
รายการสัมมนา
8.30-8.45 น. ลงทะเบียน
8.45-9.00 น. เปิดการสัมนาและระลึกถึงอาจารย์จรัญ โดย อ.อารี สวัสดี, รศ. ดร.พิชิต ลิขิตกิจสมบูรณ์ นายแพทย์สนธยา
พรึงลำภู ผู้ดำเนินรายการ: ดร. จรัสโรจน์ บถดำริห์
9.00-9.15 น. โหราโยคะออกกำลังกายเพื่อสุขภาพ โดยคุณรุจ ดุลยากร webmaster Horayoga.com
9.15-9.45 น. ปัจจัยทางดาราศาสตร์นำไปต่อยอดทางโหราศาสตร์ โดย อาจารย์อารี สวัสดี
9.45-11.30 น. ไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ 2009
9.45-10.30 น. ข้อมูลด้านวิชาการ โดย ศาสตราจารย์แพทย์หญิง ดร.รวงผึ้ง สุทเธนทร์
คณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล มหาวิทยาลัยมหิดล
10.30-11.00 น. ทัศนะด้านโหราศาสตร์ โดย นายแพทย์สนธยา พรึงลำภู
11.00-11.30 น. ทัศนะด้านโหราศาสตร์ โดย ดร.วินัย อวยพรประเสริฐ
11.30-12.00 น. การพยากรณ์ตามแนวทางโหราศาสตร์ยูเรเนียน โดย อาจารย์เกษม ปาละวิสุทธิ์
12.00-12.45 น. พักรับประทานอาหารกลางวัน
12.45-13.15 น. โหราศาสตร์สมรส โดย อาจารย์ภารต ถิ่นคำ webmaster astroclassical.com
13.15-14.00 น. สภาวะเศรษฐกิจโลกกับสินค้าเกษตรไทยเพื่อการส่งออกในปี 2553 โดย รศ. ดร.พิชิต ลิขิตกิจสมบูรณ์
14.00-14.30 น. โหราศาสตร์การกีฬา ดวงลูกหนัง โดย อาจารย์กิตตินันท์ เจนนาคม
14.30-14.40 น. พักรับประทานอาหารว่าง
14.40-15.30 น. ภัยหวัด 2009 พิษเศรษฐกิจและปัญหาทางการเมืองในประเทศไทย โดยอาจารย์วิโรจน์ กรดนิยมชัย
15.30-16.30 น. โปรแกรมโหราศาสตร์ กับ Feature ใหม่ โดย
• คุณหนุ่ม พยากรณ์ เจ้าของโปรแกรม ยูเรนัส webmaster payakorn.com
• คุณสมัคร บัวชู เจ้าของโปรแกรม เอริส
16.30-16.45 น. ความสำคัญของสมผุสดาวที่ถูกต้อง โดย ดร.วินัย อวยพรประเสริฐ
16.45-17.15 น. โหราศาสตร์การเงิน Financial Astrology เรื่อง “การกลับมาของเศรษฐกิจตกต่ำครั้งใหญ่ (The Return of Great Depression) เปรียบเทียบภาวะเศรษฐกิจถดถอยในปัจจุบันกับเหตุการณ์ช่วงปี 1929-1933” โดย Pallas
17.15-17.30 น. กล่าวปิดงานพร้อมแจกใบประกาศเกียรติคุณ โดยอาจารย์อารี สวัสดี

วันพฤหัสบดีที่ 20 สิงหาคม พ.ศ. 2552

โหราศาสตร์ว่าด้วยการขายสังหาริมทรัพย์

โหราศาสตร์ว่าด้วยการขายสังหาริมทรัพย์
การขายที่ดิน ให้เช่า การเก็งกำไรที่ดิน ตามประมวลกฏหมายที่ดิน ปีพ.ศ. 2497
......ที่ดินเป็นทรัพย์สินที่มีค่าและประโยชน์แก่มนุษย์มาก เช่น ใช้เป็น ที่อยู่อาศัย
ใช้เพื่อเป็นหลักประกัน นอกจากนี้ที่ดินยังเป็นเครื่องแสดงออกถึง ฐานะ ความเป็น
อยู่ของแต่ละคนด้วย ผู้คนจึงพยายามใฝ่หาให้ได้มาซึ่งสิทธิในที่ดินเป็นของตนเอง
แม้จะต้องทำงานด้วยความยากลำบากสักเพียงใด ก็ตามที่ดินนั้นนอกจากจะหมายถึง
.ที่ดินบนบกอันได้แก่ พื้นที่ดินทั่วไป แล้ว ยังหมายถึงพื้นดินที่เป็นภูเขา และ ห้วย หนอง
คลอง บึง ลำน้ำ ทะเลสาบ เกาะ และที่ชายทะเลด้วย เนื่องจากที่ดินมีค่าและมีประโยชน์มาก
นี่เอง รัฐจึงออกกฎหมายวางระเบียบแบบแผนเกี่ยวกับการได้มาซึ่งที่ดินของ บุคคลคือ
ประมวลกฎหมายที่ดิน ปี พ.ศ. ๒๔๙๗
ความหมายดังกล่าวบ่งบอกความสำคัญที่ดิน การซื้อการขายใดๆควรที่จะต้องคิดให้รอบครอบ
ถ้าเป็นเงินกูไม่ใช่เงินกู้ ก็สามารถซื้อเก็บเป็นกำไรได้ แต่ถ้าจะขายจะต้องทำอย่างไร
ลองดูความหมายในแบบเรือนชะตาในระบบGeocentricนะครับ เผื่อว่าจะใช้ในการประกอบ
dการ วิเคราะห์ ในการซื้อหรือขายดีจะได้ไม่ปวดหัวตามหลัง ถ้าท่านเป็นนักโหราศาสตร์อยู่
แล้วจะวิเคราะห์ตามดวงดาวได้ไม่ยาก จะได้เปรียบทางยุทธศาสตร์ เช่น จะรู้ได้อย่างไรว่า
ซื้อมาแล้วขายไม่ออก หรือซื้อบ้านมือสองโดนย้อมแมว จะต้องซ่อมบานเบอะ เวลาจะขาย
โดนต่อราคาเสียไปเลย โดนบีบราคา หรือซื้อปั๊บเข้าไปอยู่ได้ 2 เดือนท่อตัน ท่อแตก
ซื้อไปแล้วนอนไม่หลับ รู้สึกว่าบ้านนี้มีอะไรลึกลับ ซ่อนเร้น น่ากลัว แล้วจะขายต่อ
จะมีคนซื้อเมื่อไร ท่านที่สนใจในเรื่องการซื้อ-ขายที่ดิน ปลูกบ้านให้เช่า ก็ลองศึกษา
เรือนชะตาว่าด้วยที่ดินได้เลยนะครับ
ภพ1 ลูกค้า ผู้ที่จะมาซื้อทรัพย์สิน
ภพ2หมายถึงรายได้ การต่อรองราคาทรัพย์สิน การเงินของลูกค้า
ภพ3 หมายถึงสิ่งแวดล้อม บริเวณนอกบ้าน ข้างบ้าน ชุมชน สัญญาซื้อขาย
ภพ4หมายถึงลักษณะของทรัพย์สิน ลักษณะของที่ดิน บ้าน
ภพ5หมายถึงการซื้อขายเพื่อเก็งกำไร
ภพ6 หมายถึงอาคารให้เช่า บ้านเช่า อพาร์ทเม้น การจำนองที่ดิน
ภพ7 ผู้ขายบ้าน ที่ดิน คุณภาพสินค้าที่จะขาย
ภพ8 เงื่อนไขการจ่ายเงิน ราคาของทรัพย์สินที่จะขาย การประเมินราคาจากธนาคาร ค่าภาษี
ภพ9 กฎหมายที่ดิน ศาล
ภพ10หมายถึง ความสำเร็จในการขาย ราคาทรัพย์สินที่ลูกค้าพึงพอใจ
ภพ11ความสามารถในการผ่อนจ่ายหนี้สิน
ภพ12 อุปสรรค์หรือการเสียหายในทรัพย์สิน ที่มองไม่เห็นในทันที

วันอังคารที่ 28 กรกฎาคม พ.ศ. 2552

โหราศาสตร์สากลว่าด้วยการสำรวจดวงกำเนิดพื้นดวงเสียหรือเสื่อมด้อยค่าหรือไม่

ดาวเจ้าเรือนเสีย
ลัคนาเสียคือดาวเจ้าเรือนไปอยู่ภพ 6 - 8 -12 และมีระยะเชิงมุมที่เสียคือมีระยะเชิงมุมร้ายกับดาวบาปเคราะห์
อาทิตย์ในดวงกำเนิดเสียเฉกเช่นเดียวกับลัคนาเสีย และอาทิตย์ภาคกลางวันแต่ไปสถิตที่เป็นภาคกลางคืน ทำให้อาทิตย์ไม่สามารถแสดงอิทธิพลได้เต็มที่ เพราะอาทิตย์จะมีอิทธิพลต่อสัตว์โลกและมวลมนุษย์ตลอดจนถึงสิ่งมีชีวิตและไม่มีชีวิต กิจกรรมต่างๆส่วนมากจะเกิดขึ้นในระหว่างพระอาทิตย์ขึ้นจนถึงตกดิน ตั้งแต่รับประทาน การขับถ่าย จนกระทั้งกลางคืนธรรมชาติคือ การนอนหลับพักผ่อน เมื่อดาวเจ้าเรือนเสียจะส่งผลให้กับเจ้าของดวงชะตานั้นด้อยค่าไป
ราศีเมษเสีย - เจ้านักเลง อันธพาล เดินกระทืบเท้า ขี้โมโห เอาแต่ใจ
ราศีพฤษภเสีย - แต่งตัวเชย สกปรก งกเงิน งมงาย
ราศีมิถุนเสีย - ชอบโกหกไปวันๆ ผลัดวันประกันพรุ่ง ไม่ค่อยเป็นนัด ขาดความรอบครอบ
ราศีกรกฏเสีย-หยุมหยิมขี้อิจฉา หูเบา ใจน้อย ไม่มีความอดทนต่อผู้อื่น กระด้าง สอดรู้สอดเห็น เจ้ามารยา
ราศีสิงห์เสีย-ใจแคบ หยิ่งยะโส อวดดีอวดตัว ขาดความกล้า ไม่มีความเป็นผู้นำ นักเล่น
ราศีกันย์เสีย - ชอบตำหนิคนอื่น เอาแต่ใจตนเอง จู้จี้มาก ทอดทิ้งบริวาร ประจบสอพลอ ผักชี้โรยหน้า
ไม่ละเอียดละหลวม
ราศีตุลเสีย-โลเลอย่างหนัก เจ้าชู้มาก ใช้จ่ายเกินตัว เอาเปรียบคน คิดฟุ้งซ่าน ขโมยเงินผู้อื่นหรือฉ้อโกง ชีวิตมีแต่เรื่อง
ราศีพิจิกเสีย-ปากไม่ตรงกับใจ ชอบว่าคนอื่นไม่ดีไม่ถูกใจ อาฆาติหาทางทำลาย ชอบแอบในมุมมืด
ไม่ชอบแต่อยาก เด่น ในสังคม กามราคะจัด
ราศีธนูเสีย-ขาดศิลธรรม ไม่ยุติธรรม เอาเปรียบผู้คน เห็นแก่ตัว คิดการใหญ่แต่ไม่ลงทุน ชอบสอนคนแต่พูดไม่เข้าหู
เอาแต่ใจขาดเหตุผล ใจร้อนรุ่ม ว่าคนอื่นโง่
ราศีมกรเสีย- ไม่มีระเบียบ ไม่ค่อยรับผิดชอบ สะแปะสะปะ ทำงานไม่เก่งไม่รู้จริง ไม่รับภาระใดๆทั้งสิ้นชอบลอยตัว
ไม่รู้จักการให้อภัย คิดมากหวาดระแวงกลุ้มใจ
ราศีกุมภ์เสีย-สร้างวิมานในอากาศ หวังมากโลภมาก ผิดพลาดบ่อย อยากจะเด่น มีเพื่อนไม่ดี ถูกหลอกง่าย ใจง่ายแบบ
ไม่มีเหตุผล เบื่อคนง่าย
ราศีมีน เสีย-เจ๊บไข้ได้ป่วยกลัวนอนโรงพยาบาล นอนไม่หลับฝันร้าย มองโลกในแง่ร้าย เจ้าอารมณ์ไม่สนใจใคร
คิดถึงแต่อนาคต ที่มืดบอด สติแตกเมื่อโดนกระทบ เจ็บเท้าซ้ายประจำ
การตรวจดวงชะตาให้ใช้เรือนชะตาพลาซิดุสแบบสากล การดูดวงชะตาแบบสากลนั้นสามารถดูภาพรวมได้เร็ว ให้ความประทับใจ แก่เจ้าของดวงได้เป็นอย่างดี
การดูดวงนั้น
1.ต้องอ่านดาวและเรือนให้ให้ขาด
2.ตีความหมายของคำถามให้ตรงกับดาวและเรือน
3.แปลภาษาดาวให้คนเข้าใจง่ายๆ ตรงประเด็นไม่กำกวม อ้อมโลก
4.สรุปและควรมีข้อชี้แนะที่ชัดเจน
อาจารย์จรัญ พิกุล เคยพูดกันเล่นๆในวงกินข้าวกับลูกศิษย์ว่า" หมอดูคู่กับหมอเดา เมื่อหมอ(ดู)มีเชาวน์ก็เดากันน่าดู"
ท่านอธิบายว่าการเป็นโหรมืออาชีพ ควรมั่นค้นคว้าและให้ใช้หลักวิชามาทำนาย อย่าสุกเอาเผากิน ให้ใช้หลักวิชาคุมในการทำนาย
อีกชั้น ไม่ใช่ทุกเวลาจะทำนายได้ตลอด ศาสตร์คือวิชาที่มีการยอมรับทั่วไป ไอ้ที่เล่นเองนึกเองสถาปนาตนเองนั้นจะเรียกว่าอะไรดี

วันอังคารที่ 7 กรกฎาคม พ.ศ. 2552

กรรมเก่าจากชาติที่แล้ว

อดีตกรรม กรรมเก่าจากอดีต
การกลับชาติมาเกิดในทางโหราศาสตร์สากลให้ข้อสังเกตุว่ามาจากดาวสามดวงคือ เสาร์ พฤหัส พุธ ซึ่งอิทธิพลของดาวเสาร์
คือผลกรรมเก่าทั้งหมด อุปสรรค และความติดขัดของชีวิต ถ้ามีอิทธิพลเสียจะมีความล่าช้าในชีวิต อับโชค ลำบาก อาภัพ ความผิดหวัง
ความไม่สมหวัง
ดาวเสาร์
ดาวเสาร์ถือว่าเป็นดาวบาปเคราะห์ใหญ่ หมายถึงความจำกัด หดตัว ความล่าช้า
ในด้านดีของดาวเสาร์หมายถึงการมีระเบียบ ความจริงจัง ตรงไปตรงมา มีความรับผิดชอบ มีความอดทนสูง ประหยัดอดออม
ในด้านร้ายของดาวเสาร์หมายถึงความอับโชค ขี้หวาดกลัว เห็นแก่ตัว โลภมาก เข้มงวดเกินไป มองโลกในแง่ร้าย ปล่อยชีวิตไปตามยถากรรม ดังนั้นชีวิตจะดีหรือชั่ว จะรุ่งจะเรือง ยุ่งเหยิงหรือรุ่งริ่ง ขึ้นอยู่กับดาวเสาร์ เจ้าแห่งเจ้ากรรมนายเวรนั่นเอง
ดาวพฤหัส
ถือว่าเป็นผลแห่งบุญ กรรมดี โชคลาภ ปกป้องคุ้มกัน แคล้วคลาดจากอันตราย ความหมายของดาวพฤหัสคือ
การขยายตัว เป็นประธานฝ่ายดาวศุปเคราะห์
ในด้านดีจะเป็นที่รักใคร่นับถือของคนทั้งหลาย มีความเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ต่อบุคคลอื่น มีโชคดี เจริญก้าวหน้า การวินิจฉัยที่มีเหตุผล มีอุดมคติ มีความสำนึก มีทรัพย์สมบัติ โภคทรัพย์ บุญสมบัติทั้งหลาย ดาวพฤหัสอยู่ในตำแหน่งที่ดี ถือว่าคนมีบุญมาเกิด
ในด้านร้ายหรือดาวพฤหัสเสีย จะทำให้หยิ่งยโส โอ้อวด สุหรุ่ยสุหร่าย นักการพนัน โลภมาก เชื่อมั่นในตัวเองสูง ทำอะไรเกินตัวไม่มีเหตุและผล หน้าไหว้หลังหลอก
ดาวพุธ
ดาวพุธดาวแห่งความทรงจำ ควบคุมความรู้สึก สัมผัส และการเห็น รับอำนาจและปฎิเสธอำนาจ เป็นดาวที่หมายถึงพรหมลิขิต กำหนดให้แสดงบทบาทของชีวิต เป็นทูตของสวรรค์ วิถีชีวิตของมนุษย์ถูกลิขิตกำหนดบทบาทโดยดาวพุธเป็นตัวแสดง ทั้งด้านจิตและกายภาพ คือความนึกคิดของบุคคลและจิตใจ ดาวพุธจะบงการ ให้แสดงทุกบทบาทออกมา
ในด้านดีพุธหมายถึงความเฉลียวฉลาด ความคล่องแคล่ว ว่องไว มีความเข้าใจได้เร็ว พูดดี มีเสน่ห์ เก่งในหลายทาง
ในด้านเสียหมายถึงเจ้าเล่ห์เพทุบาย มารยา พูดจาไร้สาระ ชอบตำหนิติเตียน สอดรู้สอดเห็น หงุดหงิด ขี้โกง หัวขโมย
กรรมดีหรือกรรมร้ายที่ติดตัวมาจากชาติที่แล้วขึ้นอยู่กับดาวพระเคราะห์สามดวงเป็นตัวกำหนดกรรม ทุกข์(เสาร์)กลายเป็นกรรมดีไม่ถ่วงความเจริญ (พฤหัส)ทำให้คนสรรเสริญและยกย่อง (พุธ)
ทุกข์(เสาร์)เกิดจากความโลภ (พฤหัส)ทำให้คนรังเกียจ (พุธ)
คิดดี(พุธ)เกิดผลบุญคนนับถือ (พฤหัส)อายุยืน (เสาร์)
ความทุกข์ความจำกัด(เสาร์) จะหมดไป(พฤหัส)ถ้าสามารถควบคุมจิตใจได้ดี(พุธ)
เพราะฉนั้นดาวสามดวงนี้จะมีอำนาจ เหนือดาวอื่นๆทั้งสิ้น ถ้าดาวสามดวงนี้เสีย
ชะตาบุคคลจะเสื่อม

วันพุธที่ 24 มิถุนายน พ.ศ. 2552

Astrology Tips

ดาวเสียในดวงชะตา
อังคารและเสาร์จะเป็นดาวบาปเคราะห์ เป็นดาวโทษทุกข์ให้แก่ดวงชะตากำเนิดและจรก็ต่อเมื่อโคจรในจักราศีในขณะที่พระจันทร์สถิตในข้างแรม
ดวงกำหนดการตั้งครรภ์
เวลาที่ดีสำหรับการตั้งครรภ์ การคำนวณวงรอบการเจริญพันธ์ ให้กำหนดในระยะที่อาทิตย์จรและจันทร์จรมีระยะเท่ากับอาทิตย์และจันทร์กำเนิด ซี่งปีหนึ่งมี13วัน การตกไข่ตามธรรมชาติใช้เวลา20ชั่วโมง แพทย์กำหนดประมาณ12-14 ,6-7 ชั่วโมง
วงรอบเวลา(Cycles )
Tropical Year (equinox to equinox) 365.24219878 days
Anomalistic Year (perigee to perigee) 365.25964134 days
Eclipse Year (Moon's Node to Moon's Node) 346.620031 days
Tropical Month (equinox to equinox) 27.321582 days
Synodic Month (new moon to new moon) 29.530589 days
Anomalistic Month (perigee to perigee) 27.554551 days
Draconic Month (Node to Node) 27.21222 days
Sidereal Year (fixed star to fixed star) 365.25636042 days
Sidereal Month (fixed star to fixed star) 27.321661 days
Sidereal day = 0.99726966 of a Tropical day
วงรอบดาวเคระห์ในโหราศาสตร์
Moon 29.530589 days
Sun 365.242 days
Vulcan 365.242 days
Mercury 365.242 days
Venus 365.242 days
Mars 686.930 days
Ceres 5 years
Pallas 5 years
Juno 5 years
Vesta 5 years
Jupiter 11.858 years
Moon's Node 18.6 years
Saturn 29.42 years
Chiron 51 years
Uranus 83.75 years
Neptune 163.74 years
Pluto 245.33 years

วันอังคารที่ 2 มิถุนายน พ.ศ. 2552

เงื่อนไขดูความสำเร็จในวิชาโหราศาสตร์ยูเรเนียน

ในหมู่ผู้ที่สนใจในวิชาโหราศาสตร์ ทั้งที่เป็นนักศึกษาจนถึงระดับผู้เชี่ยวชาญ ไม่ว่าจะเป็นศาสตร์ไหนเช่นโหราศาสตร์ไทย
โหราศาสตร์สากล โหราศาสตร์ยูเรเนียน ต่างก็ต้องการความสำเร็จความสำฤทธิผลของการศึกษาแทบทั้งนั้น
ในการที่จะเข้าหาครูบาอาจารย์ทางด้านวิชาโหราศาสตร์ ส่วนมากจะถามอาจารย์ว่า ผม หรือดิฉัน มีดวงเรียนโหรศาสตร์ได้
หรือไม่ครับ ผมมีดวงเป็นโหรหรือไม่ครับอาจารย์ ช่วยตรวจสอบหน่อยซิครับ บางท่านเก่งกล้าวิชามากขึ้นตรวจตัวเองเลย อาจารย์ครับ
ผมนี้ชอบดูดวง ชอบศึกษา ชอบอ่านหนังสือโหราศาสตร์เป็นชีวิตจิตใจ อาจจะถีงขั้นวันละ 3 เวลาก่อนและหลังอาหารก็ว่าได้( แต่คงไม่ถึงขั้น อ่านก่อนตื่นนอนและหลังจากหลับไปแล้วนะครับ ถ้าอันหลังนี้คงจะเรียกว่าเข้าขั้นเนปจูน ) ทำไมถึงหาจุดโหราศาสตร์คือมฤตยู/อาพอนลอน ไม่เท่ากับดาวโดดและจุดเจ้าชะตาทั้ง6เลยครับ หรือบางท่านถึงกับมีดาวเข้ารูป(Planetary Picture)อย่างแรง หรือถึงจุดอาทิตย์ เข้า Mcหรือบางท่านเข้าถึงจุดพฤหัส ซึ่งจุดUr/Ap=Juนั้น
ทางโหราศาสตร์ยูเรเนียนถือกันว่าเป็นจุดที่ใครๆก็อยากได้ เพราะแปลจากภาษาดาวออกมาเป็นภาษามนุษย์ว่า
ความสำเร็จในวิชาโหราศาสตร์นั้นเอง แต่เอ้? มีจุดนี้แล้วทำไมบางท่านจึงไม่สำเร็จอย่างภาษาดาวที่ว่าเอาไว้ละครับ นี้ล่ะปํญหา
แต่ในความคิดเห็นส่วนตัวผมน่ะครับ(ผู้เขียน) ว่า จุดโหราศาสตร์ในพื้นดวงกำเนิดเป็นแค่เงื่อนไข ว่าถ้าเป็นนักโหราศาสตร์แล้วจะเกิดอะไรขึ้นกับท่าน เหมือนกับแผนลำดับขั้นตอนในการทำงาน
เช่นดวงตัวอย่างท่านอ.ประยูร พลอารีย์ ปรมาจารย์โหราศาสตร์ยูเรเนียนท่านหนึ่งในเมืองไทย ท่านเขียน ดวงของท่านเองในคัมภีร์สูตรพระเคราะห์สนธิหน้า32ว่า ดวงของท่านนั้นมีจุดโหร(Ur/Ap)17องศาราศีมิถุนทำมุมถึงจุดอังคาร/เสาร์ ซึ่งจุดนี้แปลว่า
การถึงแก่กรรม หยุดชะงักในการงาน ทำบ้างหยุดบ้าง ในโหราศาสตร์2000
และในโหราศาสตร์2000(ฉบับที่3หน้า2)ของท่านอาจารย์จรัญ พิกุลปรมาจารย์โหราศาสตร์ยูเรเนียน ได้วิเคราะห์ต่อไปอีกว่า จุดUr/Ap=Ma/Saในพื้นดวงของท่านอาจารย์ประยูรนั้น มีจุดถึงAd+Ad-Suราศีมีน18องศาหมายถึงวันมรณะ กายสงบนิ่งของสังขาร
ในวันถึงแก่กรรมจุดทั้งหมดV1ถึงเอดแมตอสกำเนิดราศีเมษ7องศาด้วยมุม45องศาและเอดแมตอสจรV2จรมารศีกุมภ์4องศาทำมุมกับจุดอังคาร/เสาร์กำเนิด18งศาราศีกันย์ ดังนั้นใครที่เล่นโหราศาสตร์ควรตรวจดวงตัวเองด้วยครับ และว่าด้วยเงื่อนไขอีกหนึ่งตัวอย่าง อาจารย์จรัญ พิกุลได้เขียนไว้ในโหราศาสตร์2000ว่าถ้าใครชวนผมไปพูดเรื่อง ดาวหาง ผมจะไม่ไป จะเลี่ยงดีกว่า (จุดดาวพระเคราะห์ วัตถุท้องฟ้านั้นคือจุดเนปจูน+โครโนส-แอดเมตอส) เพราะท่านบอกว่าเมื่อดาวหางมามีการชวนนักโหราศาสตร์ไปพูด ก็จะมีหมอดูตายเช่นคราวดาวหางฮัลเลย์มาโหรที่ไปพูดในงานหนึ่งตายชื่ออ.เทอม ต่อมาดาวหางเฮล-บอพพ์) โหรที่ตอบรับเชิญยังไม่ทันได้พูดมรณังก่อน1วันคือนายแพทย์ช่วย ท่านอาจารย์จรัญ มักจะให้ความสำคัญเรื่องเงื่อนไขเป็นอย่างยิ่ง ท่านจึงเน้นการใช้โหราศาสตร์เพื่อชีวิต
มาเข้าเรื่องดูความสำเร็จในวิชาโหราศาสตร์ต่อนะครับ ในโหราศาสตร์ยูเรเนียนยังมีอีก1ปัจจัยจาก22ปัจจัยหรือ22ดวงที่เรียกว่าโพไซดอน แปลว่าการรู้แจ้ง แนวความคิด วิญญาณ ผู้ที่มีความสว่างไสว การตรัสรู้ ดังนั้นในพื้นดวงใครมีจุดโหราศาตร์ทำมุมถึงโพไซดอน(ไม่เกี่ยวที่รัชดา)และจุดโพไซดอนอยู่ในชุดของมฤตยู/เนปจูนแปลว่ามองเห็น การเข้าใจทะลุ
ปรุโปร่งในศาสตร์ลึกลับและได้รับความเจ่มแจ้งในเรื่องนั้น ทำให้สิ่งลึกลับแจ่มแจ้งและแสดงให้เห็นประจักษ์ในสิ่งนั้น และอีกจุดหนึ่งพฤหัส+วัลคานุส-โพไซดอนแปลว่าเหตุผลหรือสติปัญญาหรือความเชื่อมั่นอันยิ่งใหญ่
ความสุขเกิดจากเหตุผล หรือจากปัญญา ความฉลาดหรือไหวพริบอันหลักแหลมหรือจากความทะลุปรุโปร่ง ดังนั้นใครมีจุดความเข้าใจทะลุปรุโปร่งทำมุมกับจุดโหร บ้างครับ ลองตรวจดูนะครับทั้งท้องฟ้าจรหรือจุดอิทธิพลจร V1,V2และTransitต่างๆว่ามาถึงจุดโหราศาสตร์ในพื้นดวงชะตาแล้วหรือยัง ถ้าถึงจะแสดงว่า ตอนนี้ท่านได้มีความเข้าใจทะลุปรุโปร่งในวิชาโหราศาสตร์แล้ว บางท่านเรียนมาตั้งนานใช้ไม่เก่ง ทำนายไม่ออกบอกใครไม่ได้ เมื่อมีจุดนี้เข้ามาท่านจะเก่งมาก เก่งกว่าพวกที่มีจุดโหรธรรมดาเช่นUr/Ap=Ar, Mc,Su Moหรือแม้กระทั้งJU,Poซะอีก ใครที่เล่นยูเรเนียนแบบ2ชั้นลองหมุนดูนะครับว่าจุดทะลุปรุโปร่งถึงจุดโหราศาสตร์ในพื้นดวงกำเนิดในอายุกี่ปี(โพไซดอนแดงบนทับจุดพฤหัสดำล่างดูวัลคานุสบนว่าอยู่ที่ไหน)ที่เหลือหากันเองต่อไป พร้อมกับสำรวจจุดอิทธิพลหางว่าวด้วยนะครับว่าลากอะไรมาบ้าง
สวัสดี

วันศุกร์ที่ 29 พฤษภาคม พ.ศ. 2552

Horary Astrology

Horary Astrology
โหราศาสตร์กาลชะตา
โหราศาสตร์กาลชะตา เป็นสาขาหนึ่งในวิชาโหราศาสตร์สากล เป็นการผูกดวงชะตา ณ.เวลาที่มีคนมาถามเรื่องราวที่อยากจะทราบคำตอบ
ถามปุ๊บตอบปั๊บทันใจดีและมีความแม่นยำในระดับที่น่ามหัศจรรย์เลยที่เดียว วิชานี้ถ้าเชี่ยวชาญมากๆสามรถรู้ความในใจของผู้ที่จะมาหามาปรึกษาเรื่องอะไร
คิดอะไรอยู่ในใจ มาลองของหรือเปล่า เช่นตัดสินใจกระทำการไปแล้ว เรื่องผ่านไปแล้วนำมาแกล้งถามนักโหราศาสตร์ว่าจะให้คำตอบเหมือนกับที่ได้ประสบพบมาหรือไม่
หรือเรื่องบางเรื่องที่เจ้าตัวเพิ่งจะคิดได้ทันทีก็ถามไปเรื่อย โดยไม่มีวัตถุประสงค์ที่แน่นอนดังนั้นโหรจะผูกดวงกาลฃะตาแล้วจะรู้ได้ทันที ในการใช้งานนั้นส่วนมากจะใช้ในกรณีเร่งด่วน
คำถามที่ชัดเจนเฃ่นใช่หรือไม่ใช่ ได้หรือเสีย แพ้หรือชนะ จะผ่าตัดดีหรือไม่ พบหมอแล้วจะหายหรือไม่หาย จะตายในคืนนี้มั๊ย งวดนี้จะถูกหวยหรือไม่ ขึ้นศาลจะแพ้หรือชนะ บอลคืนนี้คู่นี้จะชนะหรือไม่
ผมจะย้ายบ้านดีหรือไมดี ผมจะตกงานมั๊ย ไปสมัครงานวันนี้จะได้งานมั๊ยแล้วเมื่อไรจะได้งาน ของที่หายจะได้คืนหรือไม่ ผมจะรับเหมางานนี้ดีหรือไม่ดี จะเก็บเงินได้หรือไม่ จะสอบเข้าในโรงเรียน มหาวิทยาลัย เรียนต่อต่างประเทศ จะได้ไปเมืองนอกมั๊ย จะขึ้นเครื่องบินมีอุบัติเหตุหรือไม่ ทิศไหนดีที่เหมาะและมีโชคลาภกับผม ทิศไหนเป็นทิศไม่ดี ทิศตกอับ คนที่หายไปตายหรือยัง อื่นอีกเยอะแยะ
เป็นวิชาไม้ตายที่ระดับนักโหราศาสตร์ชั้นครูนิยมใช้กัน ไม่รักกันจริง จะไม่ค่อยถ่ายทอดให้ถือว่าเป็นวิชาระดับก้นหีบเลยทีเดียว วิชานี้ใช้ได้ดีกับผู้ไม่รู้วันเดือนปีเกิดของผู้ถาม เป็นวิชาที่เป็นฤทธิเดชขั้นเทพเลยทีเดียว
ตื่นตาตื่นใจดีทีเดียวเหมือนกับผู้วิเศษรู้วาระจิตของผู้อื่น ถ้าเก่งระดับเชี่ยวชาญใช้บ่อยผูกดวงแบบในใจแกล้งนับนิ้วถามปั๊บตอบเลย บางท่านเป็นนักธุรกิจสามารถประยุกต์ใช้ในการทวงเงิน หรือติดต่อตอนนี้จะเกิดอะไรขึ้น นำเสนองานเขาจะรับหรือไม่ เจ้านายเรียกไปด่าหรือเรียกไปทำอะไร ควรตอบหรือไม่ตอบ ไปตอนนี้จะเสียเปรียบหรือไม่ ดังนั้นจะเห็นได้ว่าวิชานี้จะไม่เปิดสอนเป็นทางการยังเป็นความลับในระดับเฉพาะศิษย์ภายในเท่านั้น การเจรจาต่อรองถ้าเสริมด้วยวิชานี้รับรองมีแต่Winอย่างเดียวครับ ทางชมรมฯมีโครงการที่จะเปิดสอนในอนาคตเช่นกันแต้จะคัดเลือกเฉพาะศิษย์ภายใน
และเคยได้เห็นทางชมรมฯได้ใช้วิชานี้ในเชิงประจักษ์มาแล้วหลายๆท่านที่ได้เคยเข้าไปอบรมวิชากับชมรมฯซึ่งยังมีวิชาระดับเทพอีกหลายๆวิชาไม่ใช่เอาหนังสือกางสอนแต่เป็นประสพการณ์ระดับใช้งานได้จริงมาสอนนำของจริงมาพิสูจน์

วันพฤหัสบดีที่ 28 พฤษภาคม พ.ศ. 2552

Solar Returns what it Meaning

ดวงจรทินวรรษ
(Solar Returns)

ดวงจรทินวรรษคือวันที่อาทิตย์จรปัจจุบันมีสมผุสองศาลิปดาและฟิลิปดาตรงกับอาทิตย์กำเนิดหรือเวลาที่อาทิตย์จรกุมสนิทกับอาทิตย์กำเนิด หรือวันที่คล้ายกับวันเกิด นักโหราศาสตร์สากลผูกดวงจรทินวรรษเพื่อตรวจดูแนวโน้มทั้งปี มีอายุแค่หนึ่งปี เมื่อถึงปีถัดไปก็ผูกดวงจรทินวรรษใหม่ได้ในแต่ละปี ดังนั้นดวงจรทินวรรษจึงเป็นดวงจรชนิดหนึ่งแต่เป็นของส่วนบุคคลคือดวงใครดวงมันใช้อ่านเฉพาะส่วนบุคคล
บางท่านมีความเชื่อว่าในขณะที่ตรงกับเวลาคล้ายวันเกิดหรือดวงจนทินวรรษต้องแก้เคล็ดด้วยการจุดพลุเพื่อที่จะให้มีชีวิตที่ดี ดวงพุ่งเหมือนกับพลุที่ขึ้นสูท้องฟ้าและมีแสงสว่างนำทาง ถ้าให้ดีวันนั้นให้อยู่ในบ้านไม่ต้องไปไหนถ้ามีเรื่องราววุ่นวายจะทำให้เสียได้ทั้งปี บาวท่านอาจจะมราณังในวันคล้ายวันเกิด คล้ายๆวันสุกดิบให้ระมัดระวังเป็นอย่างยิ่ง บางท่านอาจจะเจ็บป่วยเข้าโรงพยาบาล บางท่านในปีนั้นอาจะมีข่าวดี เลื่อนตำแหน่ง แต่งงานใหม่ ได้บุตร บางท่านอาจจะมีดวงหย่า บางท่านเชื่อว่าปีนี้จะดีหรือไม่ดีให้สังเกตุก่อนเวลาหกชั่วโมงหรือเวลาภายใน24ชี่วโมงว่าจะมีเหตุการจริงอะไรเกิดขึ้น นั้นคือผลที่จะต้องเจอภายในปีนั้นๆ เช่นมีเรื่องวุ่นวาย ทะเลาะเบาะแว้งแสดงว่าภายใยปีนั้นจะมีเรื่องวุ่นๆทั้งปี ขึ้นอยู่กับเหตุการณ์เหมือนลางบอกเหตุ
ในแวดวงนักโหราศาสตร์มักจะผูกดวงขึ้นมาเพื่อดูอย่างย่อๆก่อนว่าภาพรวมในปีนั้นเป็นอย่างไรเช่น
1.อยู่ในเรือนมุม จะเทียบกับวันพระจันทร์ดับหรือวันอมาวสี(New Moon) หมายถึงปีแห่งการเริ่มต้นอะไรสักอย่าง
2.อยู่ในเรือนกลางจะเทียบกับวันพระจันทร์เพ็ญ(Full Moon)หมายถึงปีแห่งการรอรับผลอะไรสักอย่าง
3.อยู่ในเรือนปลายจะเทียบกับวันที่พระจันทร์ข้างแรมหมายถึงปีแห่งการเตรียมความพร้อม เหมาะกับการวิเคราะห์สิ่งที่ได้ทำมาในอดีตเพื่อปรับปรุงเท่านั้นไม่เหมาะกับการริเริ่มสิ่งใหม่ๆ เป็นปีที่ควรสะสาง ทบทวน

วันเสาร์ที่ 16 พฤษภาคม พ.ศ. 2552

Harmonic Astrology

ดวงฮาโมนิค
ดวงฮาโมนิคคือการเอาตัวเลข360องศาหารด้วยเลขอะไรก็ได้หรือสัดส่วนในวงกลม ดวงฮาโมนิคกับมุมสัมพันธ์ดูแล้วคล้ายๆกัน แต่ต่างกันตรงที่เทคนิค วิธีการดูก็ไม่เหมือนกัน ดวงฮาโมนิคมีวิธีขับดวงชะตาในแต่ละฮาโมนิค ในแต่ละฮาโมนิคจะเป็นชุดๆ เช่น 1ส่วน3ของวงกลมจะเป็นชุดของฮาโมนิคที่3 ดังนั้นฮาโมนิคที่จะประกอบไปด้วย 1/3,2/3,3/3 และชุดในฮาโมนิคที่8ประกอบด้วยเลขวงกลมมีสัดส่วนมาจากเลข8

Table 1: The Eighth Harmonic Aspect Series
1st member (1/8) 45 deg. Semisquare 1/8

2nd member (2/8) 90 deg. Square 1/4

3rd member (3/8) 135 deg. Sesquisquare 3/8

4th member (4/8) 180 deg. Opposition 1/2

5th member (5/8) 225 deg. Sesquisquare 3/8

6th member (6/8) 270 deg. Square 1/4

7th member (7/8) 315 deg. Semi-Square 1/8

8th member (8/8) 360 deg. Conjunction 1/1

the 36th harmonic chart 10th-harmonic Semi-quintile
36th harmonic chartมาจากมุม360หาร10เท่ากับ36 มุมนี้หมายถึงความสามารถที่จะแก้ไขปัญหาต่างๆ มุมนี้จะบ่งบอกถึงการมีปัญหาจะต้องเริ่มทำการแก้ไข ดังนั้นถ้าหากท่านใดมีปํญหาหรือเริ่มมีปํญหาที่อยากจะแก้ไข
หาทางออกให้ผูกดวงฮาโมนิคที่36ให้ใช้มุมใหญ่ตรวจดูแล้วนำไปสัมพันธ์กับดวงกำเนิด และสามารถใช้ดวงจรทุกชนิดไม่ว่าProgress Direction Solar Return Solar Arc Lunar Phase และTransitจรปัจจุบัน ฮาโมนิคที่36นี้
จะเกี่ยวข้องกับอายุ36ปี เมื่อดวงทินวรรษครบรอบ36ครั้ง การรับรู้ถึงการมีปัญหาจะรับทราบได้โดยไวและมีความสามารถที่จะแก้ไขได้อย่างมีประสิทธิภาพแต่ทั้งนี้ต้องครวจด้วยดวงฮาโมนิคที่36เท่านั้นว่าดวงใครมีความสามารถที่จะแก้ไขปัญหาได้เก่งหรือไม่
5H quintiles, การผูกดวงในฮาโมนิคที่5เพื่อตรวจดูว่าเจ้าของดวงชะตานี้มีความสามารถอย่างยิ่งยวดเกี่ยวกับเรื่องอะไรเช่นเก่งในทางกีฬา หรือดนตรี ฯลฯ ชุดของฮาโมนิคที่5คือQuintileThe biquintile (abrv. BQt or BQn) is an angle of 144° (a quintile [72°] x 2 = 144°). A separation of 144±2° is considered a biquintile เป็นชุดที่มาจากตัวเลขที่หารด้วย5
7H septiles,เป็นการผูกดวงเพื่อตรวจความสามารถในการผลักดันตนเองอย่างไร มีการจัดระเบียบเพื่อเพิ่มขีดความสามารถแบบไหนให้กับตนเอง ชุดของฮาโมนิคที่7ตือThe septile (abrv. Sep) is an angle of 51.428571°, The biseptile (abrv. BSp) is an angle of 102.857143°, The triseptile (abrv. TSp) is an angle of 154.285714°เป็นชุดของตัวเลขที่มาจากการหารด้วยเลข7
9H noviles, เป็นการผูกดวงเพื่อตรวจดวงชะตาว่าเข้ากับสังคมได้หรือไม่ มีปัญหาในการเข้าหุ้นส่วนบริษัทจนกระทั้งนำไปดูเรื่องคู่ครองกันเลย ชุดของฮาโมนิคที่9คือThe novile (abrv. Nov), also known as a nonagon, is an angle of 40°, The binovile (abrv. BNv) is an angle of 80°.The quadnovile (abrv. QNv), also known as a quadrinovile, is an angle of 160°.มาจากตัวเลขที่หารด้วย9

วันอังคารที่ 28 เมษายน พ.ศ. 2552

เรื่องของดาวศุกร์

  • ดาวศุกร์ ดาวแห่งความพึงพอใจ ความสนุกสนาน เป็นเรื่องของโลกียะล้วน แสดงถึง กิเลสแห่งความอยาก แรงปรารถนา และสิ่งที่ตนพึงพอใจ เมื่อดาวดวงนี้เสียในพื้นดวง เจ้าชะตามักโหยหา ดิ้นรน ไม่เคยพอใจกับวิ่งที่ตนเองมีอยู่ ในดวงจร การทำมุมของดาวศุกร์ทรานสิต กระทบกำเนิด ให้อาการตามมุม แต่ไม่นานนัก ถ้ากำเนิด ไม่เสียหายมาก ดาวศุกร์ให้ผลไปในด้านอารมณ์ ความรู้สึก ไปไว มาไว แต่คาใจนาน ถ้าถอยหน้า ถอยหลังด้วยละก็ จมปลักวกวน ปล่อยวางยาก

ดาวศุกร์ กับ ดาวต่างๆ
ในที่นี้จะขอกล่าวแต่เรื่องความรัก และอาการ
เมื่อ ดาวศุกร์ สัมพันธ์ กับดาวที่ผล ค่อนข้างชัดเจน

ดาวศุกร์ และดาวเสาร์ :
ให้อาการของความกลัว ไม่ยอมรับและปฎิเสธ

เสาร์....ชี้ให้เห็นถึงกรรม หนี้ที่ต้องชดใช้ ภาระข้อตกลง ผูกพันสัญญา

ศุกร์ Hard Aspect เสาร์ :: ความรักที่เต็มไปด้วยอุปสรรค ปัญหา การผจญภัยอย่างไม่ราบรื่น
ศุกร์ Solf Aspect เสาร์ :: ความรักที่ซื่อสัตย์ มั่นคง

ดาวศุกร์ และ ดาวไคร่อน :
ให้อาการของความรักที่เจ็บปวด

ไคร่อน....ชี้ให้เห็นถึงแรงกระตุ้น ที่จะช่วยให้หาย หรือเป็นปรกติ

ดาวศุกร์ และดาว มฤตยู : ให้อาการของ
ความห่วงหาลึกๆ การเข้าใจกัน พึ่งพา ขาดไม่ได้

มฤตยู....ชี้ให้เห็นถึงการพึ่งพา ฝ่ายตรงข้าม ว่าจะไปในทิศทางใด

มฤตยู Hard Aspect ศุกร์ :: รักง่าย หลง เวลาเลิกร้าง ขาดกัน
จะดึงดันจะเอาคืนใหได้

มฤตยู Solf Aspect ศุกร์ :: รักง่าย ตื่นเต้นเร้าใจ ตลอดเวลา

ดาวศุกร์ และ ดาวเนปจูน :
ให้อาการของความหวัง ความเชื่อว่ารักจะคงอยู่ตลอดไป
และบรรลุจุดหมาย

เนปจูน....ชี้ให้เห็นถึงความพยายามต่อสู้ต้านทาน กับรักที่ไม่มีเงื่อนไข หรือหวังสิ่งตอบแทน

เนปจูน Hard Aspect ศุกร์ :: ลุ่มหลง ทั้งหมดทั้งสิ้น ของชีวิต ทุกอย่างคือความรัก
เนปจูน Solf Aspect ศุกร์ :: รักที่อ่อนโยน sensitive เอะอะร้องไห้จินตนาการสูง

ดาวศุกร์ และ ดาวพลูโต :
ให้อาการของความกลวที่ฝังรากลึก ว่ารักจะสูญหาย
และพังทลาย

พลูโต....ชี้ให้เห็นถึงทั้งหมด การทรยศหักหลัง พลังแรง
การพึ่งพา ต้องได้ทั้งหมด ถ้า
ไม่ ทำลาย

พลูโต Hard Aspect ศุกร์ :: รักอย่างทั้งหมดทั้งสิ้น
ต้องได้ทั้งหมด ไม่อย่างนั้นไม่เอาเลย

พลูโต Solf Aspect ศุกร์ :: รักดึงดูดไปหมด รู้ไปหมดจัดการอะไรได้ดี มีพัฒนาการ

Sunsign

Sun sign

วิธีการพยากรณ์จรชนิดหนึ่งที่ให้ผลในเชิงประจักษ์ ทั้งวิธีการก็ค่อนข้างสะดวกแม้จะไม่มีเวลาเกิด

หรือเครื่องไม้เครื่องมือใดๆเลยก็ตาม ขอเพียงแค่เจ้าชะตา ทราบวันเกิดที่แน่นอน ก็สามารถออกคำทำนายได้อย่างรวดเร็ว

ทั้งยังมีความแม่นยำในการทำนาย ด้วยหลักการเพียงอาศัยการจดจำ ตำแหน่งดาวจรทรานสิตขณะนั้นๆ ให้ได้ก็เพียงพอแล้ว

การโคจรของดาวบนท้องฟ้า หรือที่เรียกว่า ดาวทรานสิต จะเป็นการโคจร ของดาวจรบนท้องฟ้า ในทุกๆวัน

สิ่งแรกที่เรามักต้องพิจารณาก่อนคือ ดาวพระเคราะห์วงนอก ได้แก่ ดาวพฤหัส เสาร์ มฤตยู เนปจูน และพลูโต แต่ส่วนใหญ่แล้ว

เรามักจะพิจารณาแค่ ดาวเสาร์ และพฤหัส ดาวอีกสามดวงที่เหลือ โคจร ช้ามาก มักจะใช้ในการทำนายในเรื่องของวงรอบมากกว่าที่จะนำมาพิจารณาในกฎของ Sun sign ดาวพฤหัส และ ดาวเสาร์ จะให้ผลค่อนข้างชัดกว่าเนื่องจาก ดาวพฤหัส โคจรเฉลี่ย ราศีละ 1 ปี ถึง ปี ครึ่ง ระยะเวลาของเหตุการณ์นั้นๆ จะอยู่ในช่วง1ปีครึ่ง ส่วนดาวเสาร์ โคจรเฉลี่ย ราศีละ2 ปีครึ่ง ระยะเวลาของเหตุการณ์ ก็จอยู่ในระยะ 2ปีครึ่ง ส่วน ดาว มฤตยู(ราศีละ7ปี) เนปจูน(ราศีละ14ปี) พลูโต(ราศีละ21ปี) มีระยะการโคจรในราศีหนึ่งๆ ค่อนข้างนาน ภาพใหญ่ของดาวพระเคราห์ะเดินช้าเหล่านี้มักจะให้ผลเป็นลักษณะช่วงชีวิตมากกว่า ซึ่งเราอาจจะดูประกอบได้บ้าง แต่ถ้าจะตัดสินกันแค่ในระยะเวลาใกล้ๆ ปี หรือ 2ปีอย่างมาก จะให้ผลชัดเจน และหายสงสัยกว่า ถ้าจากการโคจรของ ดาวเสาร์ และดาวพฤหัส

  • พฤหัสทรานสิต เมื่อดาวพฤหัส โคจรมาทำมุมกับอาทิตย์กำเนิด

พฤหัสทรานสิต 90 องศา อาทิตย์กำเนิด มักให้ผลในเรื่องที่เกี่ยวกับปัญหา และอุปสรรคต่างๆ ทีจะต้องแก้ไข เพราะมุม90 หมายถึง มุมปัญหาและอุปสรรค ในขณะนั้น เจ้าชะตาจะทำการใดก็มักไม่เป็นผล จะพบเจอแต่เรื่องยุ่งยาก ในที่นี้ พฤหัสไม่ได้ให้ความหมายไปในด้านดีเพราะ ธรรมชาติของพฤหัสคือส่วนเกิน สิ่งที่มากไป เมื่อมาสัมพันธ์ในมุมร้าย ก็จะส่งผลให้เรื่องแย่ๆมีมากขึ้นมากกว่า และเป็นไปอย่างง่ายดาย เช่น เจ็บตัวง่ายๆ เสียเงินเสียทองง่ายๆ

พฤหัส 180 องศา อาทิตย์กำเนิด เจ้าชะตามักเผชิญกับเหตุการณ์ที่ต้องตัดสินใจ มุมนี้ให้อิทธิพลไปในด้านการแลกเปลี่ยน อะไรบางอย่าง เพราะมุมเล็ง หมายถึงต้องให้ ถ้าจะเอา มิฉะนั้น ต้องแยกทาง และสิ่งแลกเปลี่ยนนั้นค่อนข้างมากจนล้น เพราะอิทธิพลของดาวพฤหัส คือส่วนเกิน ความง่ายหรือสบายเกินไป และเรื่องราวส่วนใหญ่มักจะถูกกำหนดจากคนอื่นมายื่นข้อเสนอให้ แต่มุมนี้มักจะส่งผลไปในทางเสียให้คนอื่นมากกว่า หรือได้รับมากเกินไป อย่าไม่มีทางหลีกเลี่ยงได้

พฤหัสโคจรทำมุม กุม อาทิตย์กำเนิด เจ้าชะตามักอยู่ในฐานะที่อยู่ในภาวะแวดล้อม ของส่วนเกินสิ่งมากมาย ล้นเหลือ อาจจะเป็นโชค หรือเคราะห์ เรื่องราวต่างๆ จะชัดเจนมาก

พฤหัสทรานสิต 60 อาทิตย์กำเนิด มุมนี้เป็นมุมของความกลมกลืน สอดคล้องเมื่อมาทำมุมสัมพันธ์กับอาทิตย์ที่หมายถึงชีวิต ชีวิตในช่วงนั้นๆ มักราบรื่น ถ้ามีปัญหาก็ค่อนข้างแก้ไขง่าย ทำการใดๆก็มักประสบผลที่ดี และ ไม่วุ่นวาย

พฤหัสทรานสิต 120 อาทิตย์กำเนิด มุมสัมพันธ์นี้ส่งผลให้เจ้าตา ไ ด้รับความช่วยเหลือ สนับสนุน การทำการใดก็จะมักราบรื่น ความสัมพันธ์ต่างๆก็มักถ้อยทีถ้อยอาศัยกันและกัน มีการขยายตัวเจริญรุดหน้าตามความหมายของพฤหัส เพราะมุม 120 เป็นมุมได้รับการช่วยเหลือ และสนับสนุน

  • ดาวเสาร์ โคจรเฉลี่ยราศีละ 2ปีครึ่ง ดาวเสาร์ให้อิทธิพลไปในทาง การเนิ่นนาน
    การรอคอย ความอดทน อุปสรรค ที่ต้องฝันฝ่า ความยาก การพลัดพราก แตกหัก

เสาร์ทรานสิต 90 อาทิตย์กำเนิด มักส่งผลให้เกิดความอึดอัด ขยับตัวไปทางใดก็ยากลำบาก ปัญหาต่างๆ กว่าจะหาทางออกได้ ต้องใช้เวลา(นาน) ลงทุนลงแรง และมักจะเสียหาย (การพลัดพราก) ทางออกที่ดีที่สุดของมุมนี้ คือความอดทน และรอคอย มิฉะนั้น ความเสียหายที่จะเกิดขึ้น คือการสูญเสีย สถานเดียว

เสาร์ทรานสิต 180 อาทิตย์กำเนิด มุมของการเผชิญหน้า การแลกเปลี่ยน ไม่ได้ก็เสีย การยอมรับอิทธิพลของเสาร์ในมุมนี้ คือการให้ เพื่อความอยู่รอด การยอมเสียเพื่อรักษาอะไรไว้ เช่น เมื่อเจ็บไข้ได้ป่วย การรักษาตัว ระมัดระวัง เอาใจใส่ดูแล ก็จะทำให้สุขภาพร่างกายดีขึ้นมาได้ แต่ถ้าเราปล่อยปละละเลย ไม่ใส่ใจ ผลที่ตามมาคือความสูญเสีย อาจจะต้องเสียเงินทองเป็นจำนวนมากเพื่อรักษา เพราะปล่อยทิ้งจนสายไป หรือเป็นหนักจนเกินเยียวยา

บางกรณีอาจต้องเผชิญหน้ากับปัญหาที่ผู้อื่นนำความเดือดร้อนมาให้ การอดทน ยอมเสีย นิ่ง อาจเป็นทางออกที่ดีที่สุด เพราะมุมนี้เป็นมุมปะทะ เมื่ออีกฝ่ายได้ อีกฝ่ายจะต้องเสียเสมอ อิทธิพลของเสาร์คือการสูญเสีย การยอม เพราะฉะนั้น การไม่ยอมที่จะเสียอะไรเลย เราก็จะไม่ได้อะไรกลับมาเช่นกัน

เสาร์ทรานสิต 60 อาทิตย์กำเนิด
ในอาการของมุมสัมพันธ์แบบนี้ ค่อนช้างจะกลมกลืน ลื่นไหลกว่า สะดวก ในการปรับตัว เข้าหาคนอื่น หรือร่วมมือกันทำกิจกรรมใด ที่มีรายละเอียดหนัก สิ่งที่ทำมักให้ผลเกิดขึ้น มั่นคงหนักแน่น มีสาระ เช่น การศึกษา ในช่วงนี้จะราบรื่น เขาใจง่าย การเจรจาต่อรอง อย่างเอาเป็นเอาตาย จะง่ายขึ้น การทำงานหนัก จะส่งผลให้เกิดสิ่งต่างๆ ชัดเจนเป็นรูปเป็นร่าง แต่ยังไงก็แล้วแต่ต้องอยู่ภายใต้อิทธิพลของเสาร์ คือไม่ง่ายนัก หรือเป็นความทุกข์ ภาระ ที่รับได้ ช่วงนี้ชีวิตค่อนข้างมีสาระ จริงจัง

เสาร์ทรานสิต 120 อาทิตย์กำเนิด
มุมร่วมธาตุ เกื้อกูล รับส่งอย่างง่ายดาย เจ้าชะตาจะได้รับการสนับสนุน หรือได้รับความช่วยเหลือ ทำอะไรมักง่ายไปเสียหมด แต่อย่าลืมอิทธิพลของดาวเสาร์ด้วยที่ให้ความหมาย อาจจะทุกข์ หรือ เสียให้ กับอะไรง่ายๆก็ได้

เสาร์ทรานสิตกุม อาทิตย์กำเนิด เป็นมุมของจุดเริ่ม ที่สำคัญมาก เรื่องราวจะเป็นอย่างไรต่อไป อยู่ที่การเริ่มต้น ในครั้งนี้ กรณีนี้เป็นมุมค่อนข้างแรง และชัดเจนมาก อิทธิพลของดาวเสาร์ถูกปลดปล่อยเต็มที่ มาสู่อาทิตย์ ที่หมายถึงชีวิต อาจเกิดการสูญเสีย แตกหัก หรือพบกับเรื่องทุกข์แสนสาหัส เนื่องจากมุมนี้เป็นมุมสมานเป็นหนึ่ง ธรรมชาติแท้ๆ ในพื้นดวงของดาวเสาร์จะส่งอิทธิพลจนหมด ถ้าเสาร์กำเนิดมีพื้นฐานมาดี การมากุมกันจะนำอิทธิพลในด้านดีมาสู่เจ้าชะตา เช่น อาจเป็นช่วงกำลังก่อร่างสร้างตัว เพื่อ อนาคต การต้องรับภาระ การงาน ที่หนักขึ้น เหนื่อยขึ้น เพื่อขยายตัว แต่ถ้าอิทธิพลของเสาร์ในพื้นดวง ไม่ค่อยดี พลังงานที่ถูกปล่อยออกมาจะออกมาในรูปของความทุกข์ ภาระ หรืออะไรหลายๆอย่างที่ไม่เป็นผลดีกับตัวเจ้าชะตานัก

เบื้องต้น เราอาจจับตาดูแค่ธาตุ เสาร์ธาตุดิน เมื่อโคจร เข้าหาอาทิตย์ ที่มีธรรมชาติเป็นธาตุไฟ ย่อมเกิดการขัดกัน ในเรื่องธรรมชาติแน่นอน ส่วนจะให้ผลขนาดไหน ธรรมชาติของธาตุในราศีที่เกิดการกุมกัน จะส่งผลขยาย อาทิตย์ หรือเสาร์ ให้ดาวใดมีอิทธิพลมากกว่า อีกประการหนึ่ง

การลงลึกในรายละเอียด อาจต้องอาศัยการผูกดวงกำเนิดขึ้นดู ก็จะได้คำตอบที่ชัดเจนมากยิ่งขึ้น
เช่นในเรื่องที่เกี่ยวข้องกับดาวพฤหัส ในพื้นดวงว่าดวงเดิมพฤหัสเป็นอย่างไร และพฤหัสทรานสิตทำมุมสัมพันธ์กับพฤหัสเดิมด้วยหรือไม่ เช่น ถ้าพฤหัสทรานสิตโคจรทำมุม 90 อาทิตย์กำเนิด และในพื้นดวงเดิม อาทิตย์ทำมุมสัมพันธ์ 90 องศากับพฤหัส

ในกรณีนี้ อาทิตย์พฤหัส แปลว่า บุรุษผู้โชคดี มุม90 องศา เป็นมุมอุปสรรค ปัญหาต้องแก้ไข ก็จะแปลว่า เป็นคนที่ไม่ค่อยมีโชคง่ายๆ สบายๆ ถ้าจะมีก็มักต้องพบอุปสรรคเสียก่อน เป็นแนว ทุกข์ลาภเสียมากกว่า พฤหัสจรตัวนี้ จะให้ผลกระตุ้นให้ พื้นดวง ระหว่างอาทิตย์และพฤหัส ทำงาน

ตามพื้นดวงในแบบถ้าตอนนั้นคิดการใดๆ มักไม่สำเร็จ หรือกว่าจะทำได้ ต้องลงทุนลงแรง มาก และมักได้ไม่คุ้มเสีย การใช้จังหวะดาว ก็ควรรอให้ พฤหัสทรานสิตโคจร มาทำมุมดีๆ เช่น 60 120 กับอาทิตย์ หรือพฤหัสกำเนิดเสียก่อน ก็จะช่วยให้ปัญหาต่างๆแก้ไขง่ายขึ้น

ในกรณีนี้ที่เป็นปัญหา เพราะพื้นดวง มีปัญหาอยู่ การแก้ด้วยจังหวะของดาวจรทรานสิต เพียงแค่ ผ่อนปรน แต่ไม่ได้หมายความว่าจะพลิกชะตาไปพ้นจากดวงกำเนิดได้ เพียงแต่ดาวทรานสิตไปกระตุ้นให้พื้นดวงทำงาน ในภาพใหญ่ ในอาการตามมุมสัมพันธ์ ของดาวทรานสิต เมื่อไหร่ อาทิตย์ทรานสิต

เนื่องจากว่า ดาวพฤหัส และ เสาร์ โคจรช้ามาก กำหนดการเกิดเหตุการณ์จะค่อนข้างกินระยะเวลากว้าง แต่อาทิตย์โคจรเร็ว เพราะฉะนั้น เหมือนว่ามีเหตุการณ์ก่อตัวขึ้นแล้ว อาทิตย์ทรานสิตจะมาจุดชนวน กับ โครงสร้างที่รออยู่ก่อน ว่าจะเกิดในวันใด เนื่องจากอาทิตย์ โคจร วันละ1 องศา เทียบได้กับ ในรอบวัน

การกำหนดวันเกิดเหตุ ต่อเมื่ออาทิตย์ทรานสิตนั้น โคจร ทำมุมสัมพันธ์กับอาทิตย์กำเนิดเป็นหลัก โดยมีระยะวังกะ ก่อนเข้า 2-3 องศา และออก 1-2 องศา เราก็สามารถกำหนดวันเกิดเหตุ ได้กว้างที่สุด ไม่เกิน5วัน แคบสุด ไม่เกิน 2 วัน ภายในระยะวังกะที่กำหนด จะมีเหตุการณ์เกิดขึ้นแน่นอน

มุมสัมพันธ์ที่เกิดขึ้น ระหว่าง อาทิตย์ทรานสิต และอาทิตย์กำเนิด จะเป็นตัวบอกอาการของรายละเอียดเรื่องราว เช่น อาทิตย์ทรานสิต โคจร 90 ทำมุม กับ อาทิตย์กำเนิด วันนั้นๆ มักจะ ประสบปัญหา ความยุ่งยาก ต้องแก้ไข

ถ้าอาทิตย์ทรานสิตโคจร ทำมุม 60 หรือ 120 เป็นมุมอ่อน เหตุการณ์ที่เกิดขึ้น มักจะให้ผลราบรื่น หรือ เป็นเหตุการณ์ที่นุ่มนวลกว่า

ทั้งนี้และทั้งนั้น ภาพใหญ่ของดวงต้องมาก่อน ถ้าภาพใหญ่เสียหาย เช่น พฤหัสทรานสิต หรือเสาร์ ทรานสิต ทำมุมเสียกับอาทิตย์กำเนิด เมื่ออาทิตย์ ทรานสิต โคจรมาสัมพันธ์ในมุมแรง เหตุการณ์รุนแรงนั้นๆ อาจจะก่อตัวขึ้น ในวันนั้น ในระยะวังกะที่เป็นไปได้ และจะเกิดเหตุการณ์ที่ค่อนข้างรุนแรง

การทำมุม ของอาทิตย์ทรานสิต กับอาทิตย์กำเนิด

  1. 0 องศา มุมเริ่มต้น จุดกำเนิด เรื่องราว (กรณี อาทิตย์จร ทับอาทิตย์ กำเนิด
    เรียกอีกอย่างว่า ดวงโซล่าร์รีเทิร์น สามารถ ใช้พิจารณา เป็นดวงรายปีได้ เพราะ
    เหมือนกับว่าเป็นการตั้งต้นใหม่ของชีวิต ในปีนั้นๆ และจะครบ1รอบ กินระยะเวลา 360 วัน คือ 1 ปี)
    22.3 องศา มักให้อาการของจุดเริ่มปัญหา เริ่มก่อตัว
    30 องศา วันนั้นมักให้อาการ สบายๆ ทำอะไรเรื่อยๆ จัดว่าราบรื่นพอควร
    36 องศา ปัญหาที่เริ่มมี สบช่องที่พอจะแก้ไขได้ ปัญหาเพิ่งเริ่ม แต่ถ้าปล่อยปละละเลย จะเข้าสู่ มุม ที่มีปัญหาแล้ว
    40 องศา เตรียมพร้อมที่จะแก้ไข ต้องแก้แล้ว
    45 องศา มักให้อาการของปัญหาที่ก่อตัว เริ่มมีเรื่องวุ่นวาย เริ่มชัดขึ้น เกิดขึ้น
    60 องศา มักให้อาการของการปรับ ขยับตัวง่ายขึ้น คล่องขึ้น ถ้าปัญหาที่แก้ไม่ได้ตอนมุม 45 จะแก้ไขได้ในตอนนี้ ค่อนข้างเป็นวันที่ราบรื่น
    72 องศา ปัญหาที่เกิดขึ้นในตอนนี้ ยังรับมือได้สบายๆ แต่อย่าเผลอเรอ ต้องเตรียมพร้อม
    80 องศา เป็นมุมให้โอกาสสุดท้าย ถ้าปัญหายังคาราคาซังอยู่ เป็นช่วงที่จัดการได้ ก่อนจะเข้าสู่มุมปัญหาจริงๆ 90องศา
    90 องศา เป็นมุมปัญหาใหญ่ เกิดศัตรู เริ่มเดือดร้อน เริ่มส่อเค้าแตกหัก ขัดแย้ง
    108 องศา เป็นมุมหยุดพักหายใจจากปัญหาที่มีมาจากมุม 90องศา มองเห็นทางออกของปัญหา ต้องสร้างเงื่อนไข
    120 องศา ปัญหาจะถูกแก้ไขได้ในช่วงนี้ จากการได้รับความช่วยเหลือจากผู้อื่น มีคนมาสนับสนุน
    135 องศา เริ่มมีอาการถูกบังคับอะไรบางอย่าง ให้ทำ หรือไม่ทำอะไร รบกวน ทำให้อึดอัด
    144 องศา มุมมีโอกาส แก้ไข โดยอาจต้องพึ่งพาผู้อื่นให้ช่วย
    150 องศา มุมถูกบีบบังคับ แบบจำยอม หลีกเลี่ยงไม่ได้ ถ้าไม่สู้มีโอกาสแพ้สูง ต้องรับผิดชอบ หนีไม่ออก
    160 องศา มุมสุดท้าย ต้องรีบแก้ไข หว่านล้อมได้ เพื่อหาพันธมิตร
    180 องศา มุมแลกเปลี่ยน ได้อย่าง เสียอย่าง การเผชิญหน้าที่ ชัดเจน ศัตรูเปิดเผยตัว แตกหัก การขัดแย้งรุนแรงที่เริ่มมีผลชัดเจน ว่าใครจะอยู่หรือ ใครจะไป ใครได้ ใครเสีย
  • การโคจรของอาทิตย์ทรานสิต

    เรือนที่ 1 ตนุ มักจะให้ผลไปในเรื่องการการเริ่มทำอะไรใหม่ๆ เรื่องที่เข้ามาปะทะแบบรวดเร็ว มักจะมีความคิดริเริ่มใหม่ๆเกิดขึ้น อยากทำโน้นทำนี้ มีความรู้สึกตื่นตัว กระตือรือร้น เป็นเรื่องของการแสดงออก

    เรือนที่ 2 กดุมภะ แห่ง การได้มา การหาเข้า ชีวิตในช่วงนี้มักพัวพันกับเรื่องการเงินการทอง การหารายได้ การรับอะไรเข้ามาในชีวิต และมักจะเป็นไปในแบบของความแน่นอน หนักแน่น ไม่ค่อยมีอะไรเปลี่ยนแปลงมากเนื่องจากเป็นที่นิ่ง ไม่เคลื่อนไหวอะไรมาก

    เรือนที่ 3 สหัชชะ พี่น้อง คนสนิท คนใกล้ตัว การเคลื่อนไหว การติดต่อสื่อสาร ช่วงนี้ เจ้าชะตาอาจมีธุระปะปังมาก มีการเดินทางระยะใกล้ๆ ไปโน้น มานี้ ติดต่อกับคนมากมาย ธรรมชาติของธาตุลม การไม่อยู่นิ่ง ช่วงนี้อาจมีความคิดอ่านแล่นฉิว โลดแล่นตามภาวะของธาตุลม

    เรือนที่ 4 พันธุ ชีวิตช่วงนี้มักเกี่ยวข้องกับเรื่องราวที่บ้าน ที่ทำงาน การใช้ชีวิตจริงจัง มีการเปลี่ยนแปลงอะไรบางอย่างเกิดขึ้น มีการปรับตัวขยับขยาย วุ่นวายกับเรื่องราวภายในบ้าน หรือที่ทำงาน หรือที่ๆใช้ชีวิตอยู่ส่วนมาก

    เรือนที่ 5 ปุตตะ การใช้ชีวิต มักออกไปในรูปแบบของความสนุกสนาน บันเทิง หรือ การพรีเซนต์ตัวเองกับผู้อื่น การแสดงออกที่เป็นลักษณะผู้นำเกี่ยวข้องกับการต้องการแสดงตัว ให้เป็นที่ยอมรับ ต้องการการสนอกสนใจจากผู้อื่น เหมือนลักษณะเด็กๆที่เอาแต่ใจ หรือมีการเคลื่อนไหวในเรื่องของความรัก ความโรแมนติค

    เรือนที่ 6 อริ เป็นเรื่องของความ ละเอียดลออ การจู้จี้จุกจิกกับสิ่งเล็กๆน้อย โดยเฉพาะเรื่องรายละเอียดเกี่ยวกับงาน บางสิ่งบางเรื่องก็สนใจเกินเหตุ สนใจแต่ปลีกย่อย ไม่ให้ความสำคัญกับอะไรชัดเจน จุกจิกไปเรื่อย มีปัญหามาให้แก้ไข

    เรือนที่7 ปัตนิ การปรับ รับ ให้ ได้ เสีย การใช้ชีวิต ปะทะกับผู้อื่น มักมีข้อแม้มาจากผู้อื่น อาจได้รับข้อเสนอใหม่ๆ หรือการยื่นเงื่อนไขที่ต้องตัดสินใจ

    เรือนที่ 8 มรณะ การปรับสภาพเพื่อให้อยู่ได้ ค่อนข้างจริงจัง อาจมีเรื่องของการสูญเสีย เจ็บไขได้ป่วยไม่สบาย รายได้ของผู้อื่น ทรัพย์สิน การฟ้องร้อง

    เรือนที่ 9 ศุภะ การพุ่งไปข้างหน้า การมองการไกล มองสิ่งที่จะขยับขยาย อาจเป็นเรื่องของการศึกษา การเดินทางไกล การคิดนึกสู่โลกหน้า(ศาสนา)

    เรือนที่10 กัมมะ ความจริงจังหนักแน่น คิดเยอะ คิดมาก เตรียมการต่างๆอย่างระมัดระวัง ราศีกุมภ์ ธาตุลม สถิรราศี การเผชิญกับเรื่องตื่นตาตื่นใจ วูบไหว

    เรือนที่ 11 ลาภะ การเข้าสังคม กับเพื่อนฝูง สาธารณะชน

    เรือนที่ 12 วินาสน์ มักจะมีแนวโน้ม ของการเก็บตัว อยู่เบื้องหลัง หรือทำอะไรไม่เปิดเผย เรื่องส่วนตัวที่ไม่อยากให้ใครรู้ หรืออาจเกี่ยวกับสุขภาพที่ไม่ดี การต้องเข้าโรงพยาบาล เรือนนี้ให้อิทธิพลไปในแนวของสิ่งที่ปิดบังไม่เปิดเผย ไม่เห็น